การเกิดเป็นคนบุญยิ่งใหญ่
ในสมัยพุทธกาล
พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรม เรื่อง การเกิดเป็นมนุษย์ มีสาวกหลายท่าน ถามพระองค์ว่า การเกิดมาเป็นมนุษย์ยากขนาดไหน พระพุทธเจ้าตรัสว่า ยากมาก สาวกก็ให้พระองค์อุปมาให้ฟังด้วย พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า ที่ตถาคตจะอุปมาให้พวกเธอฟังนี้ ยังง่ายกว่าเกิดเป็นมนุษย์อีกนะ
พระพุทธเจ้าอุปมาว่า มีเต่าตาบอดตัวหนึ่ง เกิดในทะเล ๔ มหาสมุทร ๑๐๐ ปี เต่าตาบอดจะโผล่หัวขึ้นมาทีหนึ่ง และถ้าเธอทำบ่วงเท่าหัวเต่า โยนลงในทะเล และ ๑๐๐ ปี เต่าตาบอดตัวนั้นโผล่ขึ้นมาเจอบ่วงที่เธอโยนลงในทะเล ๔ มหาสมุทร มันยังง่ายกว่า การเกิดเป็นมนุษย์อีกนะ มนุษย์เกิดยากกว่านี้ นับเท่าไม่ได้ ฉะนั้นการที่เราหลุดรอดได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้น ไม่ใช่ธรรมดา ยิ่งใหญ่มากในชีวิตของท่าน...
การที่เราได้มีโอกาสเกิดมาเป็นคนที่สมบูรณ์เพียบพร้อม คือ มีร่างกายครบ ๓๒ ประการ มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สมบูรณ์ แล้วมีสิ่งแวดล้อมที่เกื้อกูลเราให้เราสามารถฝึกฝนตัวเราได้เต็มที่ ถือว่าเป็นบุญยิ่งใหญ่ เพราะการได้เกิดมาเป็นคนนั้นยากที่สุดในบรรดาภพภูมิทั้งหลาย อีกทั้งการได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เกิดมาพบพระธรรมคำสอนที่ถูกต้อง เกิดมาพบคนบอกทางที่ถูกต้องอย่างนี้ ถือว่าเป็นสิริมงคลของเราอย่างยิ่ง เพราะคนเป็นสัตว์โลกที่สมบูรณ์ที่สุด เทวดาอินทร์พรหมยังสู้ไม่ได้ ภพภูมิคนนี้เกิดยากที่สุด ยากกว่าเทวดาอินทร์พรหมผีสางทั้งหมด พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต้องเกิดมาเป็นคนเท่านั้น จึงจะฝึกฝนตัวเองให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้ เกิดมาเป็นเทวดาอินทร์พรหมผีสางทำให้ตนเองบรรลุมรรคผลนิพพานไม่ได้ เพราะไม่มีศักยภาพเพียงพอ ไม่มีอุปกรณ์ฝึกฝนตัวเองครบ เพราะฉะนั้นโอกาสที่เราได้มาเกิดเป็นคนนี้ ถือว่าเป็นบุญที่ยิ่งใหญ่มาก
และโอกาสที่ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดีของเราอีกอย่างก็คือ การที่เรามีโอกาสได้ฟังธรรมได้ศึกษาเรียนธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นประจำ แล้วเอาธรรมนั้นมาเป็นข้อมูล เป็นฐานของการดำเนินชีวิตในทุก ๆ วัน เพราะการดำเนินชีวิตของเรานั้น ต้องมีเครื่องมือช่วยเสริม คือมีความรู้ทางธรรมที่จะใช้แก้ปัญหาชีวิตของเรา ให้มีอยู่ในตัวเราเสมอ การดำเนินชีวิตของเราก็จะง่ายขึ้นไม่มีปัญหา ไม่มีทุกข์ที่สลับซับซ้อนยุ่งยาก ถ้าไม่มีความยุ่งยากวุ่นวาย ชีวิตเราก็ปลอดโปร่งโล่งสบาย ทั้งกายทั้งใจทั้งปัญญา
เพราะฉะนั้นการได้มาฟังธรรม มาศึกษาธรรมเป็นประจำ ถือว่าเป็นสิริมงคลของเรา หรือโชคดีของเรา การที่คนเราจะได้ฟังธรรม ได้ศึกษาธรรมนั้น ไม่ใช่โอกาสที่จะหาได้ง่าย ๆ ในโลก มันมีข้อจำกัด คือ ๑. คนไม่มีเวลา ๒. คนไม่มีบุญ
ถ้าไม่มีบุญไม่มีเวลา ก็ไม่มีโอกาสที่จะเข้าถึงพระธรรมคำสอนพระพุทธเจ้า ชีวิตเราก็จะเอาความไม่รู้หรือเอาอวิชชาไปแก้ปัญหาชีวิตของเรา การแก้ปัญหาก็ไม่มีที่สิ้นสุด คือ จะแก้ปัญหาจากสิ่งที่ผิดไปสู่ที่ผิดมากยิ่งขึ้น เป็นอย่างนี้เรื่อยไปตลอดชีวิต ในที่สุดชีวิตก็จะไม่เหลืออะไร ไม่ได้อะไรให้กับชีวิตเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องสำคัญของชีวิตเรา เพราะเราเกิดมาเป็นคน เราต้องการมาเอาสิ่งที่ใช้สร้างสุข เพื่อดับทุกข์ให้กับตัวเราเองได้ ให้ชีวิตเราหยุดการเวียนว่ายตายเกิดในชาตินี้
เหตุที่เราไม่รู้ว่าเราตั้งใจมาเพื่อดับทุกข์สร้างสุขถาวร คือ ถึงมรรคผลนิพพาน ก็เพราะเราไม่เข้าใจว่าการดำเนินชีวิตอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน และวางแนวทางไว้ให้มันมีอยู่ในโลก เพราะเราไม่ได้ศึกษาเรียนรู้พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะพระธรรมคำสอนพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องของการตรัสรู้ รู้จริง รู้แจ้ง เรื่องโลกและชีวิต
ถ้าเราไม่รู้จริง รู้แจ้งเรื่องโลกและชีวิต เราก็จะไม่เข้าใจชีวิตของเรา ในเมื่อเราไม่เข้าใจชีวิตเราเอง เราก็ทำผิดเรื่อยไป เพราะเราไม่รู้ว่าชีวิตเราต้องการอะไร อย่างคนเราที่ผิดพลาดในขณะนี้ ก็เพราะเราไม่รู้จักตัวเราเอง เมื่อเราไม่รู้จักตัวเองจริง ๆ เราก็ไม่สามารถ ที่จะเลือกเอาสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดให้กับชีวิตเราเองได้ เพราะตัวความพอใจ ไม่พอใจ หรือโลภะ โทสะ โมหะที่เราบำเพ็ญมานับภพนับชาติไม่ถ้วน คือบำเพ็ญข้อมูลสร้างสุขชั่วคราวไปหาทุกข์ถาวร โดยที่เราไม่มีโอกาสรู้เลยว่าอะไร คือ สุขแท้ หรือสุขเทียม คิดเพียงแต่ว่าชีวิตเราต้องการความสุขเป็นเป้าหมายชีวิตของเรา ในเมื่อเราไม่รู้ เราก็บำเพ็ญเอาความไม่รู้มาเพิ่มเติมให้กับตัวเราตลอดเวลา ความไม่รู้หรืออวิชชาก็ทับถมตัวเราจนมองไม่เห็นว่า สิ่งที่มันเป็นปัญญา หรือวิชชาที่ใช้แก้ปัญหาเราได้มันมีอยู่ในโลก เพราะเราไม่มีโอกาสที่จะรู้ได้ คิดได้ เห็นได้ เข้าใจได้ ฉะนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่มาก
ถ้าเราไม่ศึกษา ไม่เข้าใจในเรื่องชีวิตตัวเรา เราก็จะพาชีวิตเราไปติดกับดักตัวเองอีก เพราะเราติดกับดักตัวเองมานับภพนับชาติไม่ถ้วน คือการติดกับดักตัวเองอย่างนี้มันน่าเจ็บใจ คือคนเราไม่น่าจะทำกับดักทำร้ายตัวเองได้ เพราะคนเราก็ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิต แต่เราก็มาสร้างสิ่งเลวร้ายที่สุดเป็นกับดักให้กับชีวิตตัวเรา คนเราถึงออกจากความเลวร้ายของชีวิตไม่ได้
นั่นคือ กับดักชีวิตที่เราสร้างขึ้นมาเอง ซึ่งแต่ละคนก็ไม่คิดว่าตัวเองจะสร้างความเลวร้ายเป็นกับดักของตัวเองได้ขนาดนี้ เพราะเมื่อรู้ภายหลังว่าสิ่งที่เราสร้างเป็นความเลวร้ายเป็นกับดักทำร้ายตัวเอง ชีวิตร่างกายเราก็เสื่อมโทรมแล้วแก่ชราแล้ว ไม่สามารถจะฟื้นฟูสิ่งเหล่านี้ให้กับตัวเราเองได้ อันนี้ก็เรียกว่าเป็นความวิบัติในชีวิตเรา ความวิบัติที่มันเกิดขึ้นจากความเชื่อ คือความหลงหรืออวิชชาที่เราไม่เข้าใจว่าชีวิตเราแท้จริงแล้ว มันมีทั้งความจริงและความเชื่อ
เหตุที่เราแยกไม่ออก ว่าสิ่งไหนเป็นความจริงสิ่งไหนเป็นความเชื่อ เพราะชีวิตเราเกิดมาจากความเชื่อ คือ อวิชชา พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าอย่างนั้น เมื่อเรามีอวิชชา คือ ความไม่รู้ เราก็จะหมกมุ่นอยู่แต่เรื่อง ความหลงในอวิชชา หรือความไม่รู้ คือเราจะสร้างทุกข์ให้กับตัวเราเอง เสียโอกาสและเวลาในชีวิตเราไปเปล่า ๆ ไม่มีโอกาสที่จะสร้างสุขให้กับตัวเองได้ เมื่อถึงตอนนี้มันน่าเจ็บใจ มันน่าเจ็บใจจริง ๆ ว่าทำไมเราเป็นคน น่าจะทำได้ทุกอย่างเพื่อเป็นประโยชน์แก่ตัวเราเอง แต่ในที่สุดเราทำอะไรตามที่เราต้องการไม่ได้
มันหนักหนาเหลือเกิน ว่าเราไม่สามารถสร้างสุขที่แท้จริง ที่เราต้องการจริง ๆ เรากลับทำไม่ได้เลย แต่เราทำได้ตามที่ความพอใจ ไม่พอใจ คือเป็นความสุขชั่วคราว หรือเป็นความจริงชั่วครั้งชั่วคราว ซึ่งจริง ๆ แล้ว มันคือความทุกข์ เราก็ไม่มีโอกาสทำสิ่งที่ดีงามให้กับตัวเราเองเลย ก็เป็นเพราะเราไปติดกับดัก ไปตกหลุมความพอใจไม่พอใจ คือ โลภ โกรธ หลง เรียกว่า ความทุกข์
เพราะฉะนั้นพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นเรื่องสำคัญในชีวิตเรา เหตุที่เรื่องนี้มีความสำคัญ ก็เพราะว่า พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสรู้ บอกวิธีแก้ปัญหาชีวิตของเราทั้งหมด ถ้าเรารู้เราเข้าใจวิธีแก้ปัญหาชีวิตของเรา ชีวิตเราก็แจ่มใสไร้ปัญหา แต่ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจวิธีการแก้ปัญหาชีวิต เราก็จะแก้ปัญหาชีวิตเราเองไม่ได้ ฉะนั้นการเรียนรู้พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าจึงเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตของเรา เพราะเราสร้างปัญญา หรือความรู้ที่ดับทุกข์ขึ้นมาเองไม่ได้ง่าย ๆ ต้องใช้เวลายาวนาน ชีวิตเรามีไม่พอในขณะนี้ วิธีลัดก็คือ เอาปัญญาของพระพุทธเจ้าที่พระองค์ตรัสรู้ไว้แล้ว เอามาใส่ไว้ให้กับตัวเอง เพื่อใช้แก้ปัญหาชีวิต โดยวิธีการวิปัสสนาภาวนา ท่องจำไม่เที่ยงเกิดดับ ใส่ลงไปเป็นสัญญาความจำในตัวของเรา