ทรัพย์สมบัติที่คนรุ่นหลังต้องการ
การที่เราต้องมาศึกษาเรียนรู้ พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นประจำ ก็เพื่อมาเสริมเติมแต่งปัญญาของเราให้คมกล้ายิ่งขึ้น เพราะว่าสภาพสังคมปัจจุบันนี้ สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ เราจึงต้องฝึกฝนตนเองให้มีปัญญาที่คมกล้ายิ่งขึ้น คือ ตามทันสิ่งที่มากระทบสัมผัสเราตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้การปรุงแต่งเกิดขึ้น เพราะการปรุงแต่ง คือ การสร้างทุกข์ เมื่อมันปรุงแต่งแล้ว มันเก็บไว้ในใจเรายาวนาน ไม่สามารถจะลบทำลายได้ง่าย ๆ
ฉะนั้นเราจะทำอย่างไร ไม่ให้มีการปรุงแต่งเกิดขึ้น วิธีการนั่นก็คือ แก้ไขมันขณะที่มีการกระทบสัมผัส หยุดการปรุงแต่งที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ตามความเชื่อ และใส่ข้อมูลความจริงลงไปแทนนั่นคือ การท่องไม่เที่ยงเกิดดับ ให้ตามทันสิ่งที่มากระทบสัมผัสเป็นประจำ เมื่อตามทัน ก็จะเห็นความจริงตามมา การปรุงแต่งทั้งหลายก็ไม่เกิดขึ้น เมื่อไม่ปรุงแต่งก็พบสุขถาวร
เมื่อเราหมั่นศึกษาและฝึกฝนปฏิบัติธรรม เราก็มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อยู่ในตัวเรา เมื่อเราไปในที่ไหน ๆ พุทธานุภาพของพระพุทธเจ้า ก็จะคุ้มครองปกปักรักษาเราตลอดไป สิ่งเลวร้ายทั้งหลายทั้งปวงที่จะเข้ามาหาเรา ก็จะถูกบุญกุศลอันยิ่งใหญ่นี้สกัดออกไป ไม่ให้ความทุกข์ร้อนลำบาก มาถึงตัวเรา
เพราะฉะนั้นพวกเราชาวพุทธ จะมาศึกษาเรียนรู้พระธรรมให้ถูกต้องครบถ้วน เพื่อนำธรรมไปปฏิบัติ เพื่อดับทุกข์ให้ตนเอง คนรุ่นเราจะเป็นคนที่อาสามาช่วยกันนำพระพุทธศาสนาที่ถูกต้อง ทั้งรูปแบบและสาระธรรม มาตั้งมั่นกันอีกครั้งในแผ่นดินนี้ เอามาวางไว้เป็นพยานหลักฐานให้ลูกหลานเรา ที่เกิดมาภายหลังได้ศึกษา ให้คนรุ่นหลังหาข้อเปรียบเทียบ แต่ถ้าไม่มีข้อเปรียบเทียบให้เขาเห็น เขาก็ไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีตัวตนจริง คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นความจริง เป็นคำสอนที่สามารถนำไปปฏิบัติแล้วดับทุกข์ได้ สามารถตรวจสอบพิสูจน์ได้ให้เป็นพยานหลักฐาน ให้กับลูกหลานเรา ให้เขามาอาสาช่วยฟื้นฟูพระธรรมคำสอนพระพุทธเจ้า เพื่อนำพุทธศาสนามาตั้งในแผ่นดินอีกครั้งหนึ่งอย่างมั่นคง พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นอริยทรัพย์ เป็นต้นของทรัพย์สมบัติทั้งปวง และเป็นเหตุของการอยู่ร่วมกันในสังคมโลก ให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข เกื้อกูลซึ่งกันและกันด้วยเมตตาจิต ทุกคนในสังคมโลกต้องการสุขอย่างนี้ ก็พยายามแสวงหากันอยู่ แต่ก็ยังไม่พบสุขที่แท้จริง