“ดูกรภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
ขอให้เธอทั้งหลายจงยังประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น
ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด”
(ขยายความ)
พระธรรมคำสอนของท่านทั้งหมด ๘๔๐๐๐ พระธรรมขันธ์
สรุปลงในความไม่ประมาท
คนเราประมาทที่ไหนละ ประมาทที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ถ้าเราตามทัน เราก็ไม่ประมาทแล้ว ตามทันตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม เราก็จะยังประโยชน์ตน ประโยชน์เพื่อผู้อื่น ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท เพราะถ้าเราไม่ประมาท เราก็จะมีปัญญา
มีปัญญาที่จะมองเห็นชีวิตเราว่า ชีวิตเราขึ้นกับคนอื่นนะ เราอยู่คนเดียวไม่ได้นะ เราต้องอิงอาศัยคนอื่นทุกวันนะ เพราะเราต้องกินข้าวทุกวัน กินน้ำทุกวัน สมัยก่อนก็ยังค่อยยังชั่วหน่อย ตักน้ำมากินเอง เดี๋ยวนี้ต้องซื้อมากิน ต้องอิงอาศัยคนอื่นเต็มตัวเลย เดี๋ยวนี้บ้านเมืองเจริญด้วยความไม่รู้ เราก็หมดอิสรภาพไปทุกที
เราหมดอิสรภาพนะท่านทุกวันนี้ ไม่ใช่ท่านมีอิสรภาพ เราไปขึ้นกับปัจจัยภายนอก จากผลของความไม่รู้ ให้เราไปมัดติดสิ่งเหล่านั้นไว้ เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความไม่รู้พัฒนาเรา เป็นทาสของตัวเราตลอดเวลานะ เราไม่ได้ประกาศอิสรภาพ
เพราะฉะนั้นเราต้องคำนึงถึงศาสดาเอกของโลกพระพุทธเจ้า ที่ท่านประกาศอิสรภาพให้พวกเรา อิสรภาพทั้งทางกายทางใจ ที่เราไม่มีอิสรภาพ คือ ความรู้สึกนึกคิด คือ ความพอใจไม่พอใจ มันมัดเราไว้นะ
ความพอใจไม่พอใจ ไม่ใช่มีอยู่แต่ในใจเรา มันอยู่ข้างนอก อยู่ในวัตถุสิ่งของ มันไปสร้างวัตถุสิ่งของ มาให้เราผูกพันจนดิ้นไม่หลุด
แต่เดี๋ยวนี้เราต้องผ่อนรถผ่อนบ้าน นั่นคือความพอใจ ไปผูกมัดเราไว้ เราไปสร้างเอง มามัดเราเอง ทำไมเราต้องให้มันมามัดเรา ก็เพราะเราอยากได้ เห็นไหมความอยากได้ ความอยากความปรารถนา คือความพอใจไม่พอใจ คือ ตัวทุกข์นะท่าน
พระพุทธเจ้าสรุปว่า ถ้ากำจัดตัณหาได้ ก็ดับอุปาทาน ภพชาติ ชรามรณะได้ ตัณหาเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เกิดอุปาทาน เวทนาเป็นเหตุเป็นปัจจัยเกิดตัณหา การกระทบผัสสะเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ถ้าดับตัณหาได้ ก็ดับอุปาทาน ภพชาติ ชรามรณะได้ ท่านสอนคนที่รู้แล้ว คนที่รู้แล้วก็ไม่ใช่ดับตัณหา ต้องไปดับทุกผัสสะ ต้องดับทุกผัสสะ
เอาอะไรมาดับ เอาความจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้มาดับ ตาเห็นรูปไม่เที่ยงเกิดดับ ดับผัสสะแล้ว ตัณหาไม่เกิด อุปาทานไม่มี ภพชาติ ชรามรณะไม่มี
เพราะฉะนั้นคำสอนของพระพุทธเจ้า ในปัจฉิมโอวาทสำคัญมากนะ เป็นระบบการดำเนินชีวิตที่ดีงามของเรา เรียกว่าถ้าเราดำเนินชีวิตตามปัญญาของพระพุทธเจ้า เราจะประสบความสำเร็จ เราจะปล่อยวางสิ่งต่าง ๆ ได้ สิ่งต่าง ๆ ก็ไม่มาผูกมัดอะไรเรา
เพราะสิ่งต่าง ๆ รวมถึงตัวเรา คือ ความรู้สึกนึกคิดที่ผิด นั่นแหละมันมัดตัวเรา มันสร้างเชือกร้อยรัดเรา ให้แน่นหนาขึ้นทุกวัน....