กำหนดรู้ สติปัฏฐาน ๔
ทางสายเอกที่เราจะเดินเรียกว่า เส้นทางสร้างสุขดับทุกข์ (นิโรธและมรรค) ในอริยสัจ ๔ ที่พระพุทธเจ้าสรุป พระธรรมคำสอนของพระองค์ท่านไว้ในอริยสัจ ๔ ให้คนเรารู้ว่า
ทางเดินของชีวิตมี ๒ ทาง คือทางสร้างทุกข์ (ทุกข์, สมุทัย) และทางสร้างสุขดับทุกข์ (นิโรธ, มรรค)
ทีนี้เราก็ได้ทราบการเดินทางของตัวเราเองแล้วว่า เราเดินทางผิดไปหลงเดินทางสร้างทุกข์มาตลอด แล้วเราจะเดินทางสายใหม่นี้ได้อย่างไร
เราต้องมาศึกษาเรียนรู้วิธีเดินทางของพระพุทธเจ้าไว้เป็นทางสายเอกว่า ผู้ใดต้องการไปถึงเป้าหมายของชีวิตคือ บรรลุมรรคผลนิพพานได้ ต้องปฏิบัติตามทางสายเอกนี้คือ การวิปัสสนาภาวนาสติปัฏฐาน ๔
การวิปัสสนาภาวนาสติปัฏฐาน ๔ ต้องรู้ความหมายของอัตถะพยัญชนะอันนี้ทั้ง ๒ ส่วนว่า วิปัสสนาภาวนาแปลว่าอะไร วิปัสสนาภาวนาแปลว่า ท่องจำความจริงของโลกและชีวิต ตามกฎธรรมชาติ ๒ กฎ สรุปว่าไม่เที่ยงเกิดดับ ท่องจำจนความจริงของโลกและชีวิต ไม่เที่ยงเกิดดับเข้าไปเก็บเป็นสัญญาความจำไว้ในใจของเราก่อน
แล้วจึงจะไปถึงส่วนที่ ๒ คือ พิจารณา สติปัฏฐาน ๔ หมายถึง สติไประลึกดึงเอาข้อมูลความจริงที่ดับทุกข์ได้ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้มาคิด สรุปว่าไม่เที่ยงเกิดดับไปพิจารณา กายในกาย คือให้เห็นตามเป็นจริงว่ามันไม่เที่ยงเกิดดับ เวทนาในเวทนา คือความพอใจภายในภายนอกมันไม่เที่ยงเกิดดับ เรียกว่าเห็นตามจริงตามที่มันเป็น จิตในจิต คือความสุขภายในภายนอกไม่เที่ยงเกิดดับ ธรรมในธรรม คือธรรมชาติภายในภายนอกไม่เที่ยงเกิดดับ
นี่ก็หมายถึงว่าเราเห็นความจริงของโลกและชีวิตถูกต้องครบถ้วน ว่ามันอยู่ในกฏธรรมชาติ ๒ กฎ คือเห็นว่าสิ่งทั้งปวงไม่เที่ยงเกิดด้บอยู่ตลอดเวลา ที่เราท่องคำว่า ตาเห็นรูปไม่เที่ยงเกิดดับ ไปจนถึงใจคิดนึกไม่เที่ยงเกิดดับ หมายความว่า เราเห็นโลกและชีวิตถูกต้อง เพราะโลกและชีวิตเกิดขึ้นที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
การท่องไม่เที่ยงเกิดดับเป็นการตามทันสิ่งที่มากระทบตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็ดับความเห็นผิดที่เกิดขึ้นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจได้ทันทีที่ถูกกระทบสัมผัส เรียกว่า นิโรธ แล้วเราก็เดินทาง นี้คือท่องและตามทันสิ่งที่มากระทบสัมผัสที่อินทรีย์ ๖ ของเราตลอดเวลา เรียกว่า มรรค หรือทางเดินที่ถูกต้อง นี่คือเส้นทางสายใหม่ในการดำเนินชีวิต เรียกว่า เส้นทางสร้างสุขดับทุกข์ถาวรของพระพุทธเจ้า (นิโรธ มรรคปฏิปทา)
ในขณะนี้มาถึงตรงนี้แล้ว เราได้ข้อมูลของการเดินทางพร้อมแล้ว รวมทั้งข้อมูลของตัวผู้เดินด้วย ที่บอกว่าเราต้องรู้วิธีเดินทางไปสู่จุดหมาย ต้องรู้เส้นทางเดิน ต้องรู้คนบอกทาง แล้วรู้ตัวผู้เดินทางด้วยนั้น ต่อจากนี้ไปเราพร้อมจะเดินทางแล้วหรือยัง ระหว่างที่กำลังเดินทางสายใหม่นี้ เราต้องหมั่นศึกษาเพิ่มเติม ความรู้ทางธรรมตลอดเวลา เพื่อให้ข้อมูลการเดินทางของเราไม่สะดุด
ฉะนั้นการศึกษาพระธรรมเพิ่มเติม เราต้องทำให้ต่อเนื่อง นี่คือเหตุผลของทางธรรม เพราะธรรมชาติมีทั้งกุศลธรรม และอกุศลธรรม ทั้ง ๒ อย่างนี้ต่อสู้กันตลอดเวลาในวิถีชีวิตของคนเรา ฝ่ายใดชนะฝ่ายนั้นเป็นผู้กำหนดทิศทางในการเดินของชีวิตเรา ทางเดินก็มีสองทาง คือ ทางผิดกับทางถูก ตอนนี้เราเลือกทางถูกเป็นทางสายใหม่ เราต้องเดินต่อไปไม่หยุดจนกว่าจะถึงเป้าหมายของชีวิต คือ สุขถาวรหรือนิพพาน
ทางสายใหม่นี้เรียกว่า ทางสายสร้างสุขดับทุกข์ถาวร หรือนิโรธ มรรคปฏิปทาที่พระพุทธเจ้า พระอรหันต์สาวกได้ใช้เส้นทางนี้ เดินไปจนประสบความสำเร็จมาแล้ว ถ้าเราจะเดินทางสายใหม่นี้ จะต้องเดินตามทางที่พระพุทธเจ้าบอกไว้