เทวดา อินทร์พรหม ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด ในวัฏสงสาร
 
      *ไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงของท่าน*
       การเดินทางชีวิตของคนเรา ที่ไม่มีความรู้ ‎หรือ ปัญญาที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ มาประกอบในการดำเนินชีวิต ก็ผิดพลาด
       เทวดา อินทร์พรหม ทั้งหลายท่านก็เสียใจ ท่านน่าจะไปได้ไกลกว่านี้ แต่ได้แค่ เทวดา อินทร์พรหม
       ยังเวียนว่ายตายเกิด ในวัฏสงสาร  ไม่ใช่เป้าหมายชีวิตของท่าน 
       ท่านจึงเสียใจ  เราจึงไปอ้อนวอนให้ท่านช่วยเหลือ
       ท่านยังช่วยเหลือตัวท่าน ให้ดับทุกข์ไม่ได้
       แล้วจะช่วยเหลือเราได้อย่างไร
       คนที่ไม่รู้ หรืออวิชชา หรือมาร ก็ชวนเราไปอ้อนวอน บวงสรวง
       ผีสาง เทวดา อินทร์พรหม คิดว่าสิ่งนั้นจะช่วยให้เราสำเร็จได้
       ก็พากันมี *พระพรหมเจ้าที่ *ผีเจ้าที่ *เทวดาเจ้าที่ ไว้ในบ้าน เพื่ออ้อนวอน
       แต่ก็ไม่เคยสำเร็จสักที
       ไอ้ความไม่สำเร็จของการอ้อนวอน คือ ‪‎*คนไม่มีปัญญา
       เขาอยากประสบผลสำเร็จ แต่เขาไม่รู้ว่าความสำเร็จนั้น จะต้องเกิดจากเหตุปัจจัย แต่เขา *ไม่รู้เหตุ *ไม่รู้ปัจจัย
       อ้อนวอนมันได้คำตอบทันที  เหมือนเราไปยกมือไหว้ศาลเจ้า
       เราก็คิดเอาเองว่า  ศาลเจ้าจะช่วยเรา  แล้วให้ประสบผลสำเร็จ
       มันก็ได้ทันที  ‪‎ได้ความพอใจทันที (บาปอกุศล)
       แต่มันไม่ได้ตามที่ต้องการ แต่มันได้ความพอใจเข้าไปแล้ว
       ได้ความอิ่มใจ ที่ได้มาขอเทวดา อินทร์พรหมแล้ว อย่างนี้เป็นต้น
       ดังนั้นศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนาที่แตกต่างกับศาสนาอื่น ตรงที่ว่า
       ๑. อยากได้อะไรให้ทำเอา คือ ยึดหลักกฎธรรมชาติเป็นหลัก
       ๒. ประกาศอิสรภาพให้แก่ตัวเราเอง ไม่ต้องไปอ้อนวอนใคร อยากได้อะไร ทำเอาเอง
       ๓. ใช้ปัญญาประกอบศรัทธา คือ ‎ไม่ศรัทธาโดยไม่มีปัญญาประกอบ
       นี่คือ หลักของศาสนาพุทธ
       *เมื่อเราเป็นพุทธ เราต้องรู้หลักศาสนาพุทธ ๓ ข้อนี้
       หลักการนี้มันได้ผลช้า ไม่ทันใจพวกเรา สู้ไปอ้อนวอน เอาหัวหมู เป็ด ไก่ เซ่นไหว้ เจ้าที่ เทวดา อินทร์พรหม ดีกว่า
       และมีความคิดในใจเต็มใจว่า  ท่านเหล่านั้นจะช่วยเราได้
       แล้วมันก็ไม่ได้อะไร เสียเงิน เสียทอง เสียเวลา เป็นต้น
       ศาสนาพุทธเป็นศาสนา ที่ให้กระทำด้วยความเพียร
       แต่การกระทำของเราต้องมีปัญญาประกอบ
       เพราะธรรมชาติทั้งหลายทั้งปวง 
       *มีเหตุปัจจัยเป็นแดนเกิด
       *มีเหตุปัจจัยมาประชุมกันชั่วคราว
       *ให้เกิดก็เกิด 
       *ให้ตั้งอยู่ก็ตั้งอยู่ 
       *ให้แตกสลายก็แตกสลาย
       นี้คือหลักของธรรมชาติ  ถ้าเราไม่มีปัญญาประกอบ
       เราก็ไปรอมันมาประชุมกัน  รอคอยมันแตกสลาย เป็นต้น
       ถ้าเรามีปัญญาประกอบ 
       เราอยากได้อะไร เราก็หาเหตุปัจจัยมาประชุมกันให้ครบ เราก็ได้ตามนั้น
       นี่คือหลักศาสนาพุทธ ‪*หลักของการกระทำที่มีปัญญาประกอบ
       ผู้ที่จะมีปัญญาประกอบ จะต้องเป็นคนที่ได้ศึกษาพระธรรมคำสอน ของพระพุทธเจ้า พระอริยะเจ้า หรือสัตบุรุษ
       พระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างนี้
       *ทำเหตุที่ดี ผลก็ได้สิ่งดี*  เหตุตรงผลเสมอ
       อะไรที่เราทำเหตุให้ครบถ้วน  เราก็จะได้สิ่งนั้นให้กับตัวเรา
Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้