เราจะไปถึงนิพพานได้ไม่ยากเลย ถ้าเราใส่ข้อมูลรองรับที่พระพุทธเจ้าให้ไว้ คือ ไม่เที่ยงเกิดดับ
ความรู้สึก ความนึกคิด ที่กลัวแก่ กลัวเจ็บ กลัวตาย กลัวความพลัดพราก กลัวความทุกข์ กลัวทรมาน
คือ ความต้องการที่จะไปให้ถึงนิพพาน
แต่เราไม่รู้ ลืมสัจจะที่เคยให้กับตัวเองว่า *ฉันจะไปนิพพาน *ขอให้ได้เกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง
เมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์ก็ลืม ลืม ลืม
เพราะถูก "อวิชชา" ปกคลุม ปิดบัง หาร่องรอยนั้นไม่เจอ
ชีวิตท่านจึงมีค่ามาก ๆ
พรุ่งนี้เราจะได้กินข้าวเช้าอีกสักมื้อไหม?
ถ้าเรายังมีชีวิตอยู่อย่างวันนี้ได้อีก เราก็จะได้วิปัสสนาภาวนา ฟังพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
ชีวิตเราจะเลอเลิศ ชีวิตเราจะไม่เสียชาติเกิด เพราะเราจะเพียร จะต้องไปให้ถึง อริยทรัพย์ อริยบุคคล ไปจนถึงมรรคผลนิพพาน คือเป้าหมายของชีวิต
แล้วท่านก็ไม่ต้องเกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่พลัดพราก และไม่ตาย ตามที่ปรารถนา ตามที่ให้สัจจะกับตัวเอง ทุกภพทุกชาติจนนับไม่ถ้วน
เราจะไปถึงนิพพาน ได้ไม่ยากเลย ถ้าเราใส่ข้อมูล รองรับเป็นฐานความคิด ที่พระพุทธเจ้าให้ไว้
*คือไม่เที่ยงเกิดดับ* อย่างอื่นไม่มี *และไม่ใช่
ถ้ามี ถ้าใช่ ป่านนี้ได้ อริยทรัพย์ อริยบุคคล พ้นทุกข์ หมดโศก ล้นประเทศแล้ว
แต่ถ้าเราไม่มีข้อมูล ไม่เที่ยงเกิดดับรองรับ มันจะเป็นความหวังที่เลื่อนลอย
นี่คือธรรมะ หรือธรรมชาติ ที่เป็นความจริงล้วน ๆ เพราะความจริงอยู่รอบ ๆ ตัวเราทั้งหมด
เราจึงต้องดึงเอาความจริงข้างนอก มาแทนความเชื่อ ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ดึงความจริง มาใส่ให้เต็มทั้ง ๖ ทาง แล้วตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ของท่านจะเป็นทิพย์ทันที
จะเป็นของทิพย์ทั้งหมด เพราะความจริง จะเป็นทิพย์
ทำไมเราไม่เห็น? เพราะตาของเรามันมืดบอดทางสติปัญญา
มีเมฆหมอก ของความพอใจ ไม่พอใจเคลือบคลุม จิตใจของเรา
ขอให้เราใช้ความเพียรพยายาม ฝึกปฏิบัติ แล้วเราจะรู้เองเห็นเอง
โสดาบันบุคคล ยังมีกิเลสอยู่ เพราะไม่ได้เป็นพระภิกษุสงฆ์
โสดาบันบุคคล คือมีศีล ๕
และข้อที่ ๕ อย่าไปผิด คือ *กินเหล้าจะทำให้ไม่ได้โสดาบันบุคคล
การกินเหล้า พระพุทธเจ้าถือว่าเป็น สัตว์เดรัจฉาน ควบคุมสติตัวเองไม่ได้
เพราะสัตว์เดรัจฉาน พระพุทธเจ้าไม่ให้ไหว้
เราจึงต้องฝึกฝนตัวเราให้เป็นคน
*การผิดศีล ๕ ไม่น่ากลัวเท่า ความพอใจ ไม่พอใจ*
*ฝึกฝนจนได้พระอรหันต์นั้นละ ถึงจะดับกิเลสได้หมด