**น้อยหนึ่งของตัวเรา ก็ไม่มีในที่ไหนไหน น้อยหนึ่งของใครใคร ก็ไม่มีในตัวเรา ในที่ไหนไหน ก็ไม่มีน้อยหนึ่งของใครใคร**
พระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างไพเราะมาก ๆ
ครอบคลุมถึงความไม่มีตัวตนเป็นของตัวเอง
ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของผงธุลี
ไม่มีอะไร หลงเหลืออยู่เลยสักนิด
ตัวกูของกูอยู่ไหน?
ชี้ตัวท่านอยู่ไหน?
ชี้ตรงไหนตรงนั้นก็คือ ตัวทุกข์
ทุกขุมขน ทุกอณูในตัวท่าน มีแต่ทุกข์ทั้งนั้น
มีตาก็ทุกข์เพราะตา ใส่แว่น มองเห็นนั้นเห็นนี่
พอใจ ไม่พอใจเกิดขึ้น ระแวดระวังกลัวฝุ่นเข้าตา
มีผมก็ทุกข์เพราะผม ผมสั้น ผมยาว ต้องตัด
ต้องสระ ต้องหวี ต้องทำสี ผมหงอก ผมดำก็ทุกข์
มีหน้าก็ทุกข์เพราะหน้า เช้ามาก็ต้องล้างหน้า
จะใช้สบู่อะไร? ครีมอะไร? ล้างหน้าแล้วต้องทาแป้ง
จะสวยจะงามพอไหม เป็นสิว เป็นฝ้าทุกข์เข้าไปอีก
มีขาก็ทุกข์เพราะขา เดินก็เมื่อยขาปวดขา ปวดเข่า
ต้องหารองเท้าใส่ให้ เลือกใส่สวยไม่สวย ก็ทุกข์ ฯลฯ
เมื่อมนุษย์ทุกคน คือตัวทุกข์... ทุกข์ไม่มีที่สิ้นสุด
แต่ไม่รู้เลยว่านี่คือ “ทุกข์”
ที่ทุกคนอยู่กับมันได้เพราะ "ความเคยชิน"
ชินจนกลืนเข้าไปเป็นเนื้อเดียวกัน
จนเป็นเรื่องปกติ เป็นกิจวัตรประจำวัน
ว่าทุกคนที่เกิดมา ก็เหมือนกันหมดอย่างนี้ละ
แต่พระพุทธเจ้าไม่ใช่!
คำว่าทุกข์ของพระพุทธเจ้า
จะไม่ให้เกิดกับตัวพระองค์เลย แม้แต่ทุกข์ของธรรมชาติ
เกิดมาแล้ว “หนุ่ม แก่ ตาย”
ที่ทุกคนกลัวมาก ๆ และหนีไม่พ้น
พระพุทธเจ้าก็ไม่ให้มันเกิดกับพระองค์
พระองค์จึงฝึกปฏิบัติ ด้วยความเพียร
จนตรัสรู้กฎธรรมชาติ ๒ กฎ
จนรู้แจ้งแทงตลอด เรื่องโลกและชีวิต
ว่า “ใหม่ เก่า แตกสลาย” “ หนุ่ม แก่ ตาย”
และตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง
สรุปคือ “ไม่เที่ยงเกิดดับ”
ดับความมีตัวตน ก็ดับความเกิด ดับความแก่
ดับความเจ็บป่วย และก็ดับความตาย....