อริยสัจ ๔ ตอนที่ ๔
จะเห็นว่า พระพุทธเจ้า ให้พระอรหันต์ พิจารณา
ที่ให้พระอรหันต์พิจารณา เพราะมีไม่เที่ยงเกิดดับ เต็มอยู่ในใจก่อน
เต็มทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก่อน
แล้วค่อยเอามาพิจารณา เรียกว่า ธัมมวิจยะ
ทุกวันนี้สอนกันให้พิจารณา รูป นาม ซึ่งยังไม่มีข้อมูลใหม่เลย
จะพิจารณาได้อย่างไร? ก็เอาข้อมูลเก่าไปพิจารณา...
เรียกว่า วิปัสสนูปกิเลส ไปหลงตัวเอง บรรลุแล้ว
บรรลุฌาณอภิญญาเท่านั้น ไม่มีประโยชน์ เพราะดับทุกข์ไม่ได้ นี้คือความจริง
พระองค์ ให้ท่องจนเต็มใจก่อน... ค่อยพิจารณา
อย่างในพระไตรปิฎก... ท่านไม่ได้สอน ให้นั่งสมาธิเลย
ในพระไตรปิฎกท่านสอน พระอรหันต์
หรือ พระอริยบุคคล
ถ้าเป็นอริยบุคคล ให้อริยบุคคล ฝึกฝนตนเอง บรรลุ มรรค ผล นิพพานได้
ถ้าเป็นพระอรหันต์ ให้ *พระอรหันต์เอาไว้พักผ่อน*
เพราะพระอรหันต์เติม *ไม่เที่ยงเกิดดับเต็มแล้ว*
ไม่มีความพอใจ ไม่พอใจเหลืออยู่แล้ว
ท่านอยาก *หลับ* ท่านก็เอา.... ทางใจ พุทโธ พุทโธ ได้
ท่านหลับปุ๋ยเลย....หลับแค่นาที เท่ากับ ๑ วันหลับสนิท ท่านเอาไว้พักผ่อน
แต่เราไม่รู้/ ยังไม่เป็นอรหันต์... ก็เอาไป พุทโธ พุทโธ
ก็ได้พักผ่อนตามนั้น... ดับทุกข์ไม่ได้
ที่ผมเคยบอกว่า.... ตัวเรามืดบอด
เพราะข้อมูลมืด เรียกว่า **อวิชชา**
เพราะข้อมูลมันควบคุม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจท่านอยู่....
ท่านจะเห็นอยู่ ๒ อย่างนะ ในชีวิตนี้ หรือ ชีวิตไหน ๆ
ที่เวียนว่ายตายเกิดมานับภพ นับชาติ จะเห็นแค่ ๒ อย่างนี้เท่านั้น
คือ เห็นตาม ความพอใจ ไม่พอใจ เท่านั้น
เห็นตามนี้/ ถามว่า "อันนี้เป็นอย่างไร?" คำตอบคือ
เข้าท่าดี/ ไม่เข้าท่า
นี้คือ เห็นตามความพอใจ เข้าท่าดี/ ไม่พอใจ ก็ไม่เข้าท่า
คนทั้งโลก ๗ พันล้านคน เห็นอย่างนี้....
คนทั้งโลกเห็น ๒ อย่างนี้เท่านั้น ตัดสินใจ จำกัดมาก
ท่านจะไปเรียนที่ไหน ๆ ในโลก ท่านก็ไปเพิ่มเติมข้อมูล ๒ อันนี้เท่านั้น
ซึ่งมันเป็นข้อมูลสร้างทุกข์นะ แต่เขาไม่รู้
เราที่เป็นอริยบุคคล เราจะมีข้อ ๓
ถาม "พัดลมเป็นไง?"
ตอบ ไม่เที่ยงเกิดดับ นี้คือเรามีข้อมูลความจริงในใจ
คนที่ "ไม่มี" ไม่เที่ยงเกิดดับ จะถูกข้อมูลของอวิชชา
ควบคุม ทางตา หู จมูก ลิ้น กายใจ
และจะเห็นอยู่ ๒ อย่าง เท่านั้น คือ พอใจ ไม่พอใจ (คือบาปอกุศล )
จะตัดสินใจ แค่ ๒ อย่างนี้เท่านั้น
เพราะชีวิตท่านบำเพ็ญแต่ข้อมูลความพอใจ ไม่พอใจ
(จึงไม่เห็นข้อมูลใหม่อันที่ ๓ ที่เป็นข้อมูลความจริง
ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คือ **ไม่เที่ยงเกิดดับ**
**ใหม่ เก่า แตกสลาย/ หนุ่ม แก่ ตาย**)
ถ้าชีวิตท่านมีแค่ ๒ อันนี้
ชีวิตท่านก็ไปแค่ นรก เดรัจฉาน เหมือนจับไปวางไว้....
แต่ข้อมูลใหม่ มรรค เราไม่เคยปฏิบัติ
มรรคปฏิปทา... How To ทำอย่างไร ?
ท่องเป็นประจำ
๘๔๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ท่องปฏิบัติ ไม่เที่ยงเกิดดับ เป็นประจำ
ชาวพุทธเอาไปปฏิบัติอย่างนี้ และดับทุกข์ได้ คือ
*ท่องจำ..ท่องอะไร?* ท่องจำไม่เที่ยงเกิดดับเท่านั้น
และแก้ปัญหาได้ทุกชนิด/ แก้ได้อย่างไร?
แก้ตรงข้อมูล ไม่ได้แก้พฤติกรรม....
พฤติกรรม แก้ไม่ได้
เราเคยพูดว่า.... "ทำไมนิสัยสันดานเป็นอย่างนี้"
ก็พฤติกรรม มันเป็นไปตามข้อมูล....
การจะเปลี่ยนนิสัย คือ การเปลี่ยนข้อมูล
เข้าใจนะ..ธัมมจักรกัปปวัตตนสูตร เป็นสูตรที่สำคัญมาก
ถ้าเราตีความใน ธรรมจักรได้แล้ว
ก็นำไปดับทุกข์ได้
ตีความใน ธรรมจักรได้ เราก็ตีความใน อริยสัจ ๔ ได้
พระพุทธเจ้าสอน อริยสัจ ๔ ในธัมมจักรกัปปวัตตนสูตร
แต่ไม่มีใครต่อยอดได้ ตรงนี้ จึงเป็นจุดเปลี่ยนของพวกเรา
ถ้าไม่เข้าใจ อริยสัจ ๔ เราก็ไม่สามารถเอาไปปฏิบัติดับทุกข์ได้
มันจึงเป็นเรื่องมหัศจรรย์ของโลก
เพราะพระพุทธเจ้าสอน อริยบุคคล เป็นส่วนใหญ่
สอนคนธรรมดาก็สูตรนี้
แต่คนธรรมดาเป็น บัวปิ่มน้ำแล้ว แม้แต่น้ำมันจะเต็มขวดแล้ว
เมื่อพระพุทธเจ้า หยอดแค่นิดเดียว ก็เต็ม
เราไปอ่านใน ธัมมจักรกัปปวัตตนสูตร อ่านอย่างไร
ก็ไม่มีดวงตาเห็นธรรมนะ....
แต่ อัญญาโกณฑัญญะ รู้เรื่อง....
พระพุทธเจ้าสอนอย่างนี้นะ
ห้ามเธอไป เกี่ยวข้องสุดโต่ง ๒ ด้าน....
แล้วตถาคตตรัสรู้ พบหลักสายกลาง....
สัมมาทิฐิ/ สัมมาสังกัปปะ/ สัมมาวาจา/ สัมมากัมมันตะ/
สมาอาชีวะ/ สัมมาวายามะ/ สัมมาสติ/ สัมมาสมาธิ...
แล้วท่านบอกว่า.... ท่านรู้เรื่องทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
และตรวจสอบทุกข์ สมุทัย นิโรจน์ มรรคอีก ๒ รอบ
อย่างละ ๓ แค่นี้
อัญญโกณฑัญญะ....ก็เข้าใจ
โอ้! สิ่งไหนมีเกิดขึ้น ย่อมมีความดับ เป็นธรรมดา อย่างนี้หนอ!
เราอ่านอย่างไร ก็ไม่มีดวงตาเห็นธรรม
แต่อัญญาโกณฑัญญะ
น้ำจะเต็มขวดแล้ว จึงมีดวงตาเห็นธรรมทันที....
ถ้าเราไม่ตีความอย่างนี้ไม่ได้เลยนะ ถ้าไม่แตกฉานจริง ๆ
เข้าไม่ถึงเลย....ละเอียดลึกซึ้งมาก ๆ
แค่หาทุกข์ เขาก็หาไม่เจอ.... หาสมุทัย ก็หาไม่เจอ....
เพราะเขาไม่รู้เรื่องตัวเรา.... พระพุทธเจ้าจะสอนให้เรารู้จักตัวเรา
ถ้าไม่รู้จักตัวเรา.... เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าเราทุกข์เกิดที่ตรงไหน ?
ไม่รู้จักตัวเรา ก็ไม่รู้ทุกข์ อริยสัจ ๔
ทุกข์อริยสัจ ๔ พระพุทธเจ้าสอนทุกข์ของคน
ถ้าเราไม่รู้จัก คน... เราก็ไม่รู้ว่าทุกข์เกิดที่ไหน?
เราต้องหาทุกข์ของคนได้.... แล้วค่อยหาสมุทัยได้
เราหาทุกข์ว่ามันเกิดที่ไหน? มันเกิดที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ..
หาได้แล้ว เราก็หา สมุทัยได้ แล้วมันเกิดเพราะอะไร?
มันเกิดเพราะตามสิ่งที่มากระทบสัมผัสไม่ทัน คือ "หลง"
ฉะนั้น โลภ โกรธ จึงเป็นทุกข์/ หลง จึงเป็นสมุทัย
พอได้อย่างนี้.... มันก็ไม่ยากแล้ว
แล้วจะดับทุกข์ที่ไหน? ก็ดับที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ดับอย่างไร? ดับ คือต้องตามมันทัน ตามทันสิ่งที่มากระทบสัมผัส....
แล้วจะตามมันทันได้อย่างไร?
เอาอะไรมาตามทัน
ผมก็โยงไปหาพระพุทธเจ้า....
พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้
ด้วยกฎธรรมชาติ ๒ กฎ คือ ไม่เที่ยงเกิดดับ
ไปตามทันที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
เมื่อตามทัน พระองค์จึงเป็นพระพุทธเจ้า
แล้วท่านก็เอา อันนี้มาให้เราตามทัน
แต่ในสูตรธรรมจักร ไม่มีนะ....ไปมีในเล่ม ๑๘
ท่านไปสอนเพิ่มเติมที่นั้นอีก
แต่อธิบายย่อ ๆ เท่านั้น แต่ อัญญาโกณฑัญญะรู้เรื่อง
ว่าตามทันที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
แล้วเอาอะไรมาตามทัน....
เอาความจริงที่พระองค์ ตรัสรู้ "ไม่เที่ยงเกิดดับ"
หรือกฎไตรลักษณ์ และ อิทัปปจยตาฯ เป็นนิโรธ
แล้วตามทันเป็นประจำ จะทำอย่างไร? ไม่ใช่ง่ายนะ....
ฟังผมนี้ง่ายนะ แต่จะไปคิดเองไม่ได้....
ตามทันเป็นประจำทำอย่างไร?
ไม่ใช่หยิบ ไม่เที่ยงเกิดดับมาวางไว้ ที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ได้ที่ไหน....
มันเป็น นามธรรม เราก็นามธรรม
ไม่เที่ยงเกิดดับมาตามทัน บาปอกุศล
ที่มาปรุงแต่งที่ตา หู จมูก ลิ้น กายใจ....
มันไปจากไหน? มันไปจาก สัญญาความจำ ไปปรุงแต่ง
อันนี้คือ ตามไม่ทัน แปลว่า "หลง"
แต่ถ้าเราใส่สัญญาความจำใหม่
แต่ท่านไม่ได้บอกว่า... ให้สัญญาความจำนะ
ท่านบอกว่าให้วิปัสสนาภาวนา
และ "โอปนยิโก" ท่านไม่ได้บอกให้ท่องจำนะ
ท่านบอกให้วิปัสสนาภาวนาอย่างนี้....
มรรคปฏิปทาที่ผมแปลว่า ให้ท่องจำ
ในพระไตรปิฎกว่า พระธรรมคำสอนที่ท่านตรัสรู้ ตรัสไว้ดีแล้ว
สวากขาโต ภควตา ธัมโม ตรัสไว้ว่าอย่างไร?
อันนี้ละมันจะเป็น มรรคปฏิปทา ตรัสไว้ว่า....
กฎธรรมชาติ ๒ กฎ สรุปว่า ไม่เที่ยงเกิดดับ
เอาไม่เที่ยงเกิดดับ ไปปฏิบัติ.... แล้วดับทุกข์ได้
จะรู้เอง เห็นเอง เรียกว่า สันทิฏฐิโก
แล้วไม่เที่ยงเกิดดับ... อกาลิโก ไม่ขึ้นกับเวลา ปฏิบัติเวลาไหนได้เวลานั้น
แล้วไม่เที่ยงเกิดดับ ก็ เอหิปัสสิโก ตรวจสอบพิสูจน์ได้
ใหม่ เก่า แตกสลาย/ หนุ่ม แก่ ตาย
ก่อนพระพุทธเจ้าเกิด ก็มีอย่างนี้ โลกจักรวาลก็มีอย่างนี้....
พระพุทธเจ้าปรินิพพานไป ๒๕๐๐ ปี โลกจักรวาลก็มีอย่างนี้....
ไม่เที่ยงเกิดดับ ตรวจสอบได้
เมื่อตรวจสอบว่า ไม่เที่ยงเกิดดับ มันจริง ก็ โอปนยิโก น้อมมาใส่ตน
คือ *ท่องจำ* ไม่มีมนุษย์คนไหน แปลออกมาได้ว่า....
โอปนยิโก คือ ท่องจำ.... มา ๑๔๐๐ ปี
พระธรรมคำสอน ตรัสไว้ดีแล้ว คือ ไม่เที่ยงเกิดดับ
ผู้ปฏิบัติย่อมรู้เอง เห็นเอง เหมือนเราเรียน ก.ข.นั้นละ
ครู กับ เรา เท่านั้นที่รู้... คนอื่นรู้ไม่ได้....
การปฏิบัติธรรม ก็เหมือนกัน...
ท่านมาเรียนกับผม ท่านรู้ ผมรู้ คนอื่นรู้ไม่ได้
และอีกอันหนึ่งที่พระพุทธเจ้า บอกเป็นนัย ๆ ว่าให้เราท่อง
ท่านบอกว่า ดูกรภิกษุ ถ้าเธอต้องการบรรลุ มรรคผลนิพพาน
ให้วิปัสสนา ภาวนาสติปัฏฐาน ๔ **HOW TO**
วิปัสสนา แปลว่า ความจริง/
ภาวนา แปลว่า เจริญ...
เจริญความจริงเป็นฐานไว้ในใจ ทำอย่างไร?
*ท่องจำ*
ภาวนาคือ ทำให้มาก
แล้วเอาความจริง ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ใส่ให้มาก ทำอย่างไร?
*ท่องจำ* ท่องจำอะไร?
**ท่องจำไม่เที่ยงเกิดดับ** คือ สติปัฏฐาน ๔
*ตาเห็นรูป ไม่เที่ยงเกิดดับ ตัวฉันไม่เที่ยงเกิดดับ
คือธรรมมานุปัสสนา...
กายเวทนาจิต คือตัวฉัน...
ภายใน ภายนอกตัวเรา คือ สิ่งที่มากระทบ...
ไม่เที่ยงเกิดดับ/ ใหม่ เก่า แตกสลาย/ หนุ่ม แก่ ตาย เรียกว่า ธรรมานุปัสสนา
ตัวฉันไม่เที่ยงเกิดดับ ตัวฉันมีอะไร? มี กาย เวทนา จิต
กายเวทนาจิต ก็ไม่เที่ยงเกิดดับ จบ....
กายในกาย เป็นอย่างไร? ก็ไม่เที่ยงเกิดดับ
เวทนาในเวทนา เป็นอย่างไร? ก็ ไม่เที่ยงเกิดดับ
พอใจ ไม่พอใจ เป็นอย่างไร? ก็ไม่เที่ยงเกิดดับ
จิตในจิต สุขภายในภายนอก เป็นอย่างไร? ก็ไม่เที่ยงเกิดดับ
ท่านวิปัสสนาภาวนาสติปัฏฐาน ๔ คือ การท่องไม่เที่ยงเกิดดับ
จำไว้นะ! ไม่ใช่เอาสติปัฏฐาน ๔ ไปปฏิบัติ.... ผิด!
**จบ อริยสัจ ๔ ไม่เที่ยงเกิดดับ ตัวฉันไม่เที่ยงเกิดดับ**
(สอนธรรมโดยพ่ออาจารย์ สินธพ ทรวงแก้ว
อ่านพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม อ่าน ๖ จบ รู้จริง รู้แจ้ง)