สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

(กมฺมุนา วตฺตตีโลโก)
       เมื่อคนเรามีการกระทำ ซึ่งเป็นกรรมเกิดขึ้นทุกวัน
       ย่อมมีชีวิตเป็นไปตามผลของการกระทำ ก็คือ บุญและบาป เช่นนี้ตลอดชีวิต
       ซึ่งบาป หรืออกุศลกรรมนั้น ไม่มีใครสามารถ แก้ หรือตัดได้
       บุญและบาป เป็นผลของการกระทำ ที่จะเป็นเหตุให้ผู้กระทำได้รับผลนั้น ๆ

       ดังที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนไว้ว่า *เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี* เหตุตรงผลเสมอ

       *เมื่อกระทำในสิ่งที่เป็นกุศลกรรม ก็จะส่งผลเป็นบุญ คือ ความสุข ความสำเร็จ ความสมปรารถนา

       *แต่หากทำในสิ่งไม่ดี อันเป็นอกุศลกรรม ผลที่ออกมาก็จะได้บาป มีแต่ความทุกข์ ความผิดหวัง ทำอะไรก็มีแต่ความล้มเหลว

       *เหตุก็ต้องดู ทำบาปแล้ว *เติมบุญให้มาก ๆ ขึ้น บาปก็จะตามไม่ทัน และบุญก็จะส่งผลดีให้กับชีวิต
       และการที่จะงดการกระทำบาป แล้วมาเติมบุญได้นั้น
       ต้องรู้หลักวิธีการฝึกปฏิบัติ  ที่ถูกต้องถูกทางครบถ้วน ในพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์
       พระพุทธเจ้าเป็นบุคคลที่ฉลาดที่สุด  หาบุคคลใดเสมอเหมือนไม่ได้ จึงสอนเรื่องยากที่สุด  ให้ง่ายที่สุดได้
       สรุปพระธรรมคำสอนของพระองค์ทั้งหมด ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ให้นำไปสู่การปฏิบัติเหลือเพียง คำเดียวเท่านั้น คือคำว่า  "ไม่เที่ยงเกิดดับ"
       ท่องไม่เที่ยงเกิดดับ  ปฏิบัติแล้วได้ผลภายใน ๗ วัน ๗ เดือน ๗ ปี อย่างช้า พระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างนี้
       คือ การวิปัสสนาภาวนา พิจารณาขันธ์ ๕ อินทรีย์ ๖
       *ให้รู้เห็นสิ่งทั้งปวง ที่มากระทบสัมผัสตัวเรา ในขณะปัจจุบัน
       *ตามความเป็นจริง ของโลกและชีวิต
       *ว่าสิ่งทั้งปวงไม่เที่ยง เกิดดับ มีเหตุปัจจัยมาประชุมกันชั่วคราว
       *ไม่มีตัวตนเป็นของตนเอง
       นี่คือ การฝึกปฏิบัติเพื่อ "เจริญปัญญา" แล้วเอาปัญญาที่ได้นี้  ไปดับทุกข์ ในขณะปัจจุบัน ที่ถูกกระทบสัมผัสในทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้