มรรคมีองค์แปด
มรรค (สันสกฤต: มรฺค; บาลี: มคฺค) คือ หนทางสู่ความดับทุกข์ เป็นหนึ่งในอริยสัจ 4 จึงเรียกอีกอย่างว่า ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา หรือการลงมือปฏิบัติเพื่อให้พ้นจากทุกข์ ประกอบด้วยองค์ประกอบ 8 ประการ
ในธัมมจักกัปปวัตตนสูตร พระพุทธเจ้าตรัสว่าอริยมรรคมีองค์ 8 นี้เป็นทางสายกลาง[1] คือเป็นข้อปฏิบัติอันพอดีที่จะนำไปสู่ความหลุดพ้น[2]
ตามวิภังคสูตร พระพุทธเจ้าทรงอธิบายรายละเอียดไว้ดังนี้[3]
สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นที่ถูกต้อง) หมายถึง ความรู้ในอริยสัจ 4
สัมมาสังกัปปะ (ความคิดที่ถูกต้อง) หมายถึง ความคิดในการออกจากกาม ความไม่พยาบาท และการไม่เบียดเบียน
สัมมาวาจา (วาจาที่ถูกต้อง) หมายถึง การเว้นจากการพูดเท็จ หยาบคาย ส่อเสียด และเพ้อเจ้อ
สัมมากัมมันตะ (การปฏิบัติที่ถูกต้อง) หมายถึง เจตนาละเว้นจากการฆ่า โจรกรรม และการประพฤติผิดในกาม
สัมมาอาชีวะ (การหาเลี้ยงชีพที่ถูกต้อง) หมายถึง การเว้นจากมิจฉาชีพ การละเว้นจากอาชีพฆ่าสัตว์ อาชีพที่เบียดเบียนผู้อื่น
สัมมาวายามะ (ความเพียรที่ถูกต้อง) หมายถึง สัมมัปปธาน 4 คือ ความพยายามป้องกันอกุศลที่ยังไม่เกิด ละอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว ทำกุศลที่ยังไม่เกิด และดำรงรักษากุศลที่เกิดขึ้นแล้ว
สัมมาสติ (การมีสติที่ถูกต้อง) หมายถึง สติปัฏฐาน 4
สัมมาสมาธิ (การมีสมาธิที่ถูกต้อง) หมายถึง ฌาน 4
เมื่อเทียบกับหลักไตรสิกขา องค์มรรคข้อ 1-2 เป็นปัญญา ข้อ 3-4-5 เป็นศีล และข้อ 6-7-8 เป็นสมาธิ
เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว
พระองค์ให้เอา "ปัญญา" ขึ้นก่อน
เมื่อมี "ปัญญา" แล้ว จะรู้ผิด รู้ถูก รู้ชั่ว รู้ดี
“ศีล” ก็เกิดขึ้น ตามมา
เมื่อศีลเกิดขึ้น จิตใจก็สงบ ผ่องใส สมาธิเกิด
จะเห็นได้ว่า “ศีล” “สมาธิ” เป็นผลพลอยได้
ที่เกิดจาก ปัญญาก่อน เรียกว่า สัมมามรรค
สมาธิ เป็นปัจจัยของ ความสงบ
วิปัสสนา เป็นปัจจัยให้เกิด “ปัญญา”
“ศีล สมาธิ ปัญญา” เป็นคำสอนของศาสนาพราหมณ์
....หลังจากที่พระพุทธเจ้า ออกบวชครั้งแรก
พระองค์ได้ไปศึกษาเรียนรู้กับ อาจารย์ที่เป็นพราหมณ์
จนได้บรรลุฌาน สูงสุด ที่เรียกว่า #ฌานอภิญญา#
หูทิพย์ ตาทิพย์ เหาะเหิน เดินอากาศได้...
แต่พระองค์ไม่สามารถ #ดับทุกข์ไม่ได้#
พระองค์เห็นว่า ไม่ใช่ทางดับทุกข์
พระองค์จึงลาอาจารย์ทั้งสอง มาศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวพระองค์เอง
ด้วยการลองผิดลองถูก ....จนได้เปลี่ยนวิธีปฏิบัติ
เป็น วิปัสสนาภาวนา
โดยการพิจารณาความจริงของธรรมชาติทั้งหมด
ในที่สุดก็ ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
กฎธรรมชาติ ๒ กฎ คือ...
**กฎที่ ๑. ไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา (เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป)
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ หรือโลกไหน ๆ
รวมทั้งชีวิตของเรา ทั้งหมด อยู่ในกฎนี้...
**และกฎที่ ๒. กฎของเหตุปัจจัย หรือ อิทัปปัจจยตาปกิจจสมุปบาท
ในโลกนี้หรือโลกไหน ๆ รวมทั้งชีวิตของคนเรา
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาลอย ๆ หรือบังเอิญ
มีเหตุปัจจัย มาประชุมกันชั่วคราว
ให้เกิด ก็เกิด ให้ตั้งอยู่ ก็ตั้งอยู่
ให้แตกสลาย ก็แตกสลาย
นี่คือความจริงของโลกและชีวิต ข้อที่ ๒...
**สรุป กฎธรรมชาติ ๒ กฎนี้ว่า #ไม่เที่ยงเกิดดับ#
“ไม่เที่ยงเกิดดับ” คือกฎธรรมชาติ ๒ กฎ
ที่ตั้ง เจ้าชายสิทธัตถะ เป็นพระพุทธเจ้า
ซึ่งพระองค์ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง...
พระองค์จึงได้ เรียงลำดับองค์ธรรม คือ
การศึกษาฝึกปฏิบัติธรรมใหม่ว่า "ปัญญา ศีล สมาธิ"