คาถาเศรษฐี
ถ้าอยากเป็นเศรษฐี พระพุทธเจ้าสอนคาถาไว้ ๔ คำ คือ อุ อะ กะ สะ
อันที่ ๑ อุ คือ อุฏฐานสัมปทา คือ ขยันหมั่นเพียร
อันที่ ๒ อะ คือ อารักขสัมปทา ได้เงินมาใช้เป็น ถ้าหาเงินมาเก็บก็ไม่ออกดอกออกผลอะไร ก็ไม่เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี
อันที่ ๓ กะ คือ กัลยาณมิตตตา มีเพื่อนดี คบเพื่อนดี เราจะคบเพื่อนดีได้ เราต้องเป็นคนดีก่อน เราถึงจะมีเพื่อนดีได้ ถ้าเราไม่เป็นคนดีจริง เราก็จะเจอเพื่อนดีชั่วคราว ที่เข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์
อันที่ ๔ สะ คือ สมชีวิตา เลี้ยงชีพชอบ ไม่เบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
ถ้าใครมี อุ อะ กะ สะ นี้แล้ว คือหัวใจเศรษฐี นักปราชญ์ราชบัณฑิตเก่าแก่มักสอนให้ลูกหลานท่อง อุ อะ กะ สะ คือหัวใจเศรษฐี มันมีเหตุปัจจัยอย่างนี้
แล้วจะเป็นเศรษฐีได้เร็วต้องทำอย่างไร พระพุทธเจ้าว่า อาชีพของคนทั้งโลกนี้ อาชีพที่ดีที่สุด คือ ค้าขาย เพราะ ลงทุนน้อย เวลาเสียหาย เสียหายน้อย เวลาได้กำไรได้มาก เพราะฉะนั้นค้าขายนี้พระพุทธเจ้าว่าเป็นอาชีพที่เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีได้ อาชีพการเกษตรลงทุนมาก ก็ได้ผลมาก แต่ถ้าเสียหายก็เสียหายมาก เช่น ปลูกข้าวเต็มท้องนา หากมีน้ำมาท่วมนา ก็ไม่รู้ว่าอย่างไร หรือช่วงราคาผลผลิตตกต่ำก็ขาดทุน เห็นไหม พระพุทธเจ้า ท่านตรัสว่า มันมีเหตุปัจจัย แล้วจะค้าขายได้รวยขึ้นเรื่อย ๆ ก็ต้องมีการจัดการค้าขายอยู่ ๓ อย่าง
๑. เวลาเช้า ให้จัดแจงธุรกิจการค้าขายด้วยความเอื้อเฟื้อ
๒. เวลาเที่ยง ให้จัดแจงธุรกิจการค้าขายด้วยความเอื้อเฟื้อ
๓. เวลาเย็น ให้จัดแจงธุรกิจการค้าขายด้วยความเอื้อเฟื้อ
นั่นคือ ยิ้มแย้มตลอดเวลา เห็นไหมเราไปซื้อของอาโกอาแป๊ะ หากถามว่า ของได้หรือยังอาโก อาโกก็จะตอบ ฮ่อ ๆ ได้เลี้ยว ๆ รอแป๊บนะครับ...ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย... เห็นไหมไปขัดแย้งอย่างไรเขาก็ไม่โกรธ มีความเอื้อเฟื้อซื้อ ๑ แถม ๑ ซื้อข้าวแถมน้ำแถมผัก อย่างนี้เป็นต้น