โลกและชีวิตเรานี้เป็นระบบของเหตุปัจจัย มาประชุมกันชั่วคราวเท่านั้น
พระพุทธเจ้าว่า โลกและชีวิตเรานี้เป็นระบบของเหตุปัจจัย มาประชุมกันชั่วคราวเท่านั้น
ทุกสิ่ง ทุกอย่างในตัวเรา ความคิดเห็น คำพูด การกระทำของเรา มาประชุมกันชั่วคราว
ให้เกิดขึ้น ก็เกิดขึ้น, ให้ตั้งอยู่ ก็ตั้งอยู่, ให้แตกสลาย ก็แตกสลาย
ฉะนั้นเมื่อเราเห็นความจริงอย่างนี้แล้ว
เราจะเห็นตัวเราครบถ้วน เห็นวิธีแก้ปัญหาชีวิต
ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ว่าถูกต้อง
ถ้าเราไม่ศึกษาเรียนรู้ตามที่พระพุทธเจ้าสอน อย่างจริงจัง
ก็หมายความว่า #เราไม่รู้ตัวเราเองเลย
เราก็ไม่มีวิธีแก้ปัญหาของเราได้
แก้ได้ก็แก้จากความรู้สึกนึกคิด ของตัวเอง
จากที่ผิด ไปสู่ที่ผิด ที่ผิด ๆ ๆ หาที่สิ้นสุดไม่ได้
เราจะเห็นว่า อ๋อ! ที่เราเวียนว่ายตายเกิด ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ นับภพ นับชาติไม่ถ้วน มันเป็นอย่างนี้เอง
เพราะเรา ไปเติมเหตุปัจจัยให้เวียนว่ายตายเกิด ไม่มีวันหยุด
ตื่นขึ้นมา เมื่อตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัส ใจคิดนึก
เราก็เติม ความพอใจ ไม่พอใจ ใส่เป็นข้อมูล เวียนว่ายตายเกิด
เรียกว่า
อวิชชา ทำให้เกิดเป็นเรา สังขาร
สังขาร ทำให้เกิดวิญญาณ
วิญญาณ ทำให้เกิดนามรูป
นามรูป ทำให้เกิดสฬายตนะ
สฬายตนะ ทำให้เกิด..ผัสสะ
สฬายตนะ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ก็หมายความว่า กรรมเก่า มาปั้นเป็นตัวเราครบแล้ว
ขณะนี้ตัวเรา คือ กรรมเก่าของเราในอดีต
สร้างเป็นตัวเราสมบูรณ์แล้ว
เหตุปัจจัยที่เราจะเกิดมาเป็นคน ใช้หมดแล้วนะ ไม่มีเหลืออยู่
เพราะการที่จะกลับมาเกิดเป็นคนชาติหนึ่ง เหตุปัจจัยที่ท่านเคย ท่องไม่เที่ยงเกิดดับ ในอดีตหมดไปแล้ว ไม่มีเหลืออยู่ในใจท่าน
การเกิดเป็นคนจึงสิ้นสุด หลังจากนั้น ก็ไปตามเหตุ ตามปัจจัย
เหตุปัจจัยที่เราใส่ตัวเรา มาตลอดชีวิตนี้ คือ ความพอใจ ไม่พอใจ
เหตุปัจจัยอันนี้คือ *นรกเดรัจฉาน ที่เราจะไปเกิด เหมือนจับไปวางไว้ เราก็เวียนว่าย ตายเกิดอยู่ใน นรก เดรัจฉาน
พระพุทธเจ้าว่า การเวียนว่ายตายเกิดของท่าน ทั่วพื้นที่ในโลกนี้ ที่ท่านไม่เคยตาย "ไม่มี"
อาจตายสมัยเป็นคน แมลง มด ปลวก หมู หมา เป็ด ไก่ ช้าง ม้า วัว ควาย ฯลฯ
ท่านเคยเกิดมาแล้วทั้งนั้น
ท่านก็ไปทั่วโลก ทุกหน ทุกแห่ง ตรงไหนที่ท่านไม่เคยตาย "ไม่มี"
นี้คือ การเวียนว่ายตายเกิดของเรา เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ ว่าสิ่งนั้นมี สิ่งนี้จึงมี
เมื่อเรายังไม่หยุด เหตุปัจจัย และยังมี ความพอใจ ไม่พอใจ เราก็เวียนว่าย ตายเกิดอยู่อย่างนี้
พึ่งมีชาตินี้ละ *ท่านพึ่งมารู้ *พึ่งมาท่องไม่เที่ยงเกิดดับ
กลับมาฟื้นฟูให้กลับมาเป็นคนอีกครั้งหนึ่ง
ถ้าท่านไม่ท่อง ไม่เที่ยงเกิดดับ
ท่านก็จะเป็นไปตามวัฏจักร ของการเวียนว่ายตายเกิด ตามเหตุตามปัจจัย
ปลูกมะม่วง ได้มะม่วง ไม่ได้มะละกอ (เหตุตรงผล)
ก็จะเกิดที่นรก เดรัจฉาน นรก เดรัจฉาน ๆ ๆ ๆ ซ้ำไป ซ้ำมาอยู่อย่างนี้ หาที่สิ้นสุดไม่ได้
เพราะนรกเดรัจฉาน เป็นข้อมูลแน่นหนา
เพราะท่านสร้างทุกข์ อยู่ในใจตลอดเวลา
เราจะเห็นชัดว่า การเวียนว่ายตายเกิด นับภพ นับชาติไม่ถ้วนนั้น มันตรงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ อย่างถูกต้อง
อันนี้คือ เราเรียนพระธรรมคำสอน แล้วเอามาพิสูจน์กับตัวเอง
เรียกว่า *สันทิฏฐิโก ผู้ปฏิบัติเองย่อมรู้เองเห็นเอง คนอื่นไม่สามารถจะรู้ได้