สุขจริง ๆ นั้น มันคืออะไร?
 
        สุขที่ทุกคนว่า *อยู่ดีมีสุขแล้วนั้น คือการมีทุกข์น้อย ต่างหาก 
        สุขจริง ๆ ท่านยังไม่เคยพบ พบแต่ทุกข์น้อยเท่านั้น 
        สุขจริง ๆ คือสุขที่ไร้ทุกข์  ‪‎สุขที่ไม่มีทุกข์ประกอบในสุขนั้น
       แต่เรา *ไม่รู้ *ไม่เห็น *ไม่เข้าใจ
       เพราะเราไม่ได้ศึกษาเรียนรู้ว่า สุขที่ไร้ทุกข์เจือปนนั้นเป็นอย่างไร
       เราจึงมีสุขที่เจือปนทุกข์อยู่ตลอดเวลา 
       เราจึงน่าสงสารมาก น่าสงสารจริง ๆ  ใจเราก็พยายามหนีทุกข์ไปหาสุข
       แต่เวลาคิดจะไป เราก็คิดแต่เอาข้อมูลเก่าที่มีทุกข์  ไปปรุงแต่งหาสุขอีกทุกครั้ง    
       แล้วก็กลับมาอีกที่เดิม วนเวียนอย่างนี้ไม่รู้จบ
       เพราะเราจะแก้ไขปัญหาทั้งหมดแบบชั่วคราว ไม่รู้วิธีแก้ไขปัญหาอย่างเด็ดขาด
       และไม่เข้าใจ  ว่าการแก้ไขปัญหาเด็ดขาดมันแก้อย่างไร?
       นี่ละ คือ ตัวปัญหา *พระพุทธเจ้าว่า
       ตัวปัญหา คือ *ความไม่รู้ คือ ‪*อวิชชา หรือ ตามสิ่งที่มากระทบสัมผัส ที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจไม่ทัน คือ *อวิชชา หรือ *ความโง่
       เมื่อมีความโง่ แล้วก็ปรุงแต่ง  ก็ไปติดหล่ม ของการปรุงแต่งตัวเอง หรือไปติดตาข่ายของตัวเองทุกวัน
       ท่านก็ติดตาข่าย  ถักทอตาข่ายคลอบคลุมตัวเองอยู่ทุกขณะ
       ท่านสร้างตาข่ายคลุมตัวเอง  ไม่ให้ไปไหน 
       ทุกวันนี้ก็ไปไหนไม่ได้ จะไปจริง ๆ ก็ไปไม่ถึงเป้าหมาย ถูกมารล่อ ไปแค่หลบทุกข์ ก็ไปติดตาข่ายให้ตัวเองอีก
       เสียเวลาอันมีค่าอย่างมาก หลักลอยในชีวิต ไม่มีแก่นสาร
       รอคอยนาน จนสังขารทรุด ก็ยังดับทุกข์ไม่ได้ ไม่ได้อริยบุคคล
       พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน ให้นั่งสมาธิ พระพุทธเจ้าสอน ให้วิปัสสนาภาวนา 
       ๑,๔๐๐ ปี ไม่มีใครแยกได้ว่า *วิปัสสนา และ *ทำสมาธิ แตกต่างกันอย่างไร ไม่มีใครบอกได้ 
       เมื่อสอบถามพระสงฆ์ ท่านจะตอบว่า *เหมือนกัน อันเดียวกัน
       สมาธิ สมถะภาวนา กรรมฐาน แปลว่า *เจริญความสงบของจิตเท่านั้น  
       ลักษณะการกระทำคือ  เอาจิต หรือตัวรู้ไปตามดู อิริยาบถ หรือการเคลื่อนไหวของร่างกาย เพื่อจะไม่ให้ใจออกไปนอกกาย
       เพราะมันจะ ไปปรุงแต่ง  ก็ให้มันดูการย่างเดิน ดูลมหายใจ *ก็ได้ความสงบ *ได้สุขชั่วคราว ดับทุกข์ไม่ได้
       วิปัสสนาภาวนา แปลว่า การเจริญความจริง เป็นฐานที่ตั้ง
       *วิปัสสนาภาวนา กรรมฐาน แตกต่างกับการทำสมาธิ แบบฟ้ากับดิน 
       *วิปัสสนา ไม่ให้ใจไปตามดูอะไรทั้งสิ้น ให้มันอยู่เฉย ๆ
       *เติมข้อมูลเข้าไปให้มัน คือ ‪ท่องความจริงไม่เที่ยงเกิดดับ เก็บไว้ในใจ 
       *เรียกว่า ท่องจำ,  ‪‎วิปัสสนา คือ เจริญความจริง
       *ความจริง คือ สุข (คือปัญญา),
       *ความเชื่อคือ ทุกข์ 
       พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เพราะความจริง พระองค์ดับทุกข์ ของพระองค์ได้ และบรรลุ มรรคผลนิพพานทันที
Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้