ความเชื่อถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม ความจริงถมได้เต็ม
โอปนยิโก (ท่อง) ไม่เที่ยงเกิดดับ
จนรู้จริง รู้แจ้ง ทั้ง ๖ ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ความจริงอันนี้ จะออกมารับการกระทบสัมผัสทุกครั้ง
เรียกว่า ถมทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้เต็มด้วยความจริง
ความเชื่อถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม/ ความจริงถมได้เต็ม
เพราะ *ความจริงไม่ได้เอาอะไรมาปรุงแต่งต่อเติมเสริมที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อีก
จะมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็น ไม่เที่ยงเกิดดับ
มันก็ จบที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
มันก็ จบที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
เมื่อจบมันก็เต็ม อะไรมากระทบอีกมันก็ *ไม่เที่ยงเกิดดับ ตัวฉันไม่เที่ยงเกิดดับ
มากระทบอีกก็ *ไม่เที่ยงเกิดดับ ตัวฉันไม่เที่ยงเกิดดับ
เพราะไม่มีอะไรมาปรุงแต่งต่อ
เพราะไม่มีอะไรมาปรุงแต่งต่อ
กรรมใหม่ ก็ไม่เกิดขึ้นที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
กรรมเก่า เราก็หมดไปทุกครั้ง ที่มากระทบสัมผัส
ในเมื่อกรรมเก่าก็หมด กรรมใหม่ก็ไม่สร้าง ชีวิตเราก็ไปถึงเป้าหมาย
เพราะชีวิตเรา รู้จริง รู้แจ้ง เรื่องโลกและชีวิต *เหมือนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
และความรู้จริง รู้แจ้งนั้น เราทำให้มันมีแล้ว เราก็เอาประโยชน์ กับสิ่งที่เรามีอยู่ได้
*แต่ทุกวันนี้ มันไม่มี เราจึงเอาสิ่งที่มีประโยชน์จากมันไม่ได้
และความรู้จริง รู้แจ้งนั้น เราทำให้มันมีแล้ว เราก็เอาประโยชน์ กับสิ่งที่เรามีอยู่ได้
*แต่ทุกวันนี้ มันไม่มี เราจึงเอาสิ่งที่มีประโยชน์จากมันไม่ได้
ขณะนี้ชีวิตเรา จึงต้องนำพาไปให้ถึงความจริงที่แท้จริง ให้ได้
นั้นคือ รู้จัก รู้จำ รู้จริง รู้แจ้ง ในคำสอนพระพุทธเจ้า เพื่อมาแก้ไขชีวิตของเรา
นั้นคือ รู้จัก รู้จำ รู้จริง รู้แจ้ง ในคำสอนพระพุทธเจ้า เพื่อมาแก้ไขชีวิตของเรา
ถ้ารู้จริงเมื่อไร ปัญหาชีวิตก็หมด เพราะไม่มีอะไรปรุงแต่ง
มันก็ไม่มีอะไร มาสานต่อให้เรา เวียนว่ายตายเกิดอีก
เพราะการเวียนว่ายตายเกิด มันน่ากลัว
มันก็ไม่มีอะไร มาสานต่อให้เรา เวียนว่ายตายเกิดอีก
เพราะการเวียนว่ายตายเกิด มันน่ากลัว
คนที่ไม่ได้โสดาบันบุคคล น่ากลัว
เพราะมันวนเวียนอยู่ในนรก เดรัจฉาน
จากเดรัจฉานก็ไปนรก เป็นวัฏจักรอย่างนี้
เพราะมันวนเวียนอยู่ในนรก เดรัจฉาน
จากเดรัจฉานก็ไปนรก เป็นวัฏจักรอย่างนี้
เพราะไปอยู่นรก ก็บำเพ็ญความพอใจไม่พอใจ วนเวียนอยู่ ๒ ภพอย่างนี้
ไม่มีโอกาสเกิดเป็นเทวดา เป็นมนุษย์ มันน่า อเนจ อนาถ
*ถ้าท่านเห็นตัวท่านจริง ๆ หรือท่านระลึกชาติได้
*ถ้าท่านเห็นตัวท่านจริง ๆ หรือท่านระลึกชาติได้
ท่านจะเห็นตัวท่านได้รับความโหดร้ายทารุณแสนสาหัส
พระพุทธเจ้าว่า ***เราถูกตัดคอมา นับภพชาติไม่ถ้วน
เลือดเราที่ถูกตัดคอ (เพราะการทำผิด) น้ำในทะเล ๔ มหาสมุทร ยังน้อยกว่าเลือดเรา
แต่ละคน ที่เวียนว่ายตายเกิด กับการถูกตัดคอ ไม่มีใคร ไม่เคยถูกตัดคอ
แต่ละคน ที่เวียนว่ายตายเกิด กับการถูกตัดคอ ไม่มีใคร ไม่เคยถูกตัดคอ
พระพุทธเจ้าว่า ถ้าเห็นใครในโลกนี้ ไม่ว่า
*เศรษฐี ท่านก็เคยเป็นมาแล้ว
*กษัตริย์ ท่านก็เป็นมาแล้ว
*กษัตริย์ ท่านก็เป็นมาแล้ว
*ยาจกขอทาน ท่านก็เป็นมาแล้ว
*ไม่มีอะไรเลย ที่ท่านไม่เคยเป็น
*ไม่มีอะไรเลย ที่ท่านไม่เคยเป็น
ที่เราเห็นคนในโลกนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ในปัจจุบันนี้ คือ ตัวอย่าง
*เราเคยเป็นอย่างนั้น
*เราเคยเป็นอย่างนั้น
*เราเคยเกิดอย่างนี้
*เราเคยเจ็บอย่างนั้น
ไปโรงพยาบาล เราเห็นเขาเจ็บป่วย เราก็เคยทุกข์ทรมาน อย่างนั้นมาก่อน
ไปโรงพยาบาล เราเห็นเขาเจ็บป่วย เราก็เคยทุกข์ทรมาน อย่างนั้นมาก่อน
ไม่เคยมีอะไรที่เรารอด
การเวียนว่ายตายเกิดของเรานั้น มันหาที่สิ้นสุดไม่ได้
วิสัยพระพุทธเจ้ายังหาที่สิ้นสุดไม่ได้ เพราะมันยาวนานเหลือเกิน
หาที่สุดเบื้องต้น #เบื้องปลาย #เบื้องกลาง ไม่ได้
ทำไม? เราวนเวียนอยู่อย่างนี้
การเวียนว่ายตายเกิดของเรานั้น มันหาที่สิ้นสุดไม่ได้
วิสัยพระพุทธเจ้ายังหาที่สิ้นสุดไม่ได้ เพราะมันยาวนานเหลือเกิน
หาที่สุดเบื้องต้น #เบื้องปลาย #เบื้องกลาง ไม่ได้
ทำไม? เราวนเวียนอยู่อย่างนี้
คำตอบคือ เราต้องการหนีทุกข์ ไปหาสุขทุกภพ ทุกชาติ
*แต่เราไม่มีปัญญาธรรมของพระพุทธเจ้า พาเราหนี
Powered by
MakeWebEasy.com