พระพุทธเจ้าให้เอา “ปัญญา” ขึ้นก่อน เมื่อมีปัญญาแล้ว จะรู้ผิด รู้ถูก รู้ชั่ว รู้ดี
 
       เมื่อมีปัญญาแล้ว จะรู้ผิด รู้ถูก รู้ชั่ว รู้ดี  “ศีล” ก็เกิดขึ้นตามมา
       เมื่อศีลเกิดขึ้น  จิตใจก็สงบ ผ่องใส สมาธิเกิด 
       จะเห็นได้ว่า “ศีล” “สมาธิ” เป็นผลพลอยได้ ที่เกิดจาก ปัญญาก่อน เรียกว่า ‎สัมมามรรค
       สมาธิ เป็นปัจจัยของ ความสงบ
       วิปัสสนา เป็นปัจจัยให้เกิด “ปัญญา”
       “ศีล สมาธิ ปัญญา” เป็นคำสอนของศาสนาพราหมณ์
       หลังจากที่พระพุทธเจ้า ออกบวชครั้งแรก
       พระองค์ได้ไปศึกษาเรียนรู้กับ อาจารย์ที่เป็นพราหมณ์ จนได้บรรลุฌานสูงสุด ที่เรียกว่า *‎ฌานอภิญญาหูทิพย์ ตาทิพย์ เหาะเหิน เดินอากาศได้
       แต่พระองค์ไม่สามารถดับทุกข์ได้
       พระองค์เห็นว่า  ไม่ใช่ทางดับทุกข์
       พระองค์จึงลาอาจารย์ทั้งสอง  มาศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวพระองค์เอง
       ด้วยการลองผิดลองถูก  จนได้เปลี่ยนวิธีปฏิบัติเป็น ‎*วิปัสสนาภาวนา
       โดยการพิจารณาความจริงของธรรมชาติทั้งหมด ในที่สุดก็ ตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า
       กฎธรรมชาติ ๒ กฎ คือ
       *กฎที่ ๑. ‎ไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา (เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป)
       ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้  หรือโลกไหน ๆ รวมทั้งชีวิตของเรา ทั้งหมด อยู่ในกฎนี้
       *และกฎที่ ๒. กฎของเหตุปัจจัย หรือ อิทัปปัจจยตาปกิจจสมุปบาท
       ในโลกนี้หรือโลกไหน ๆ รวมทั้งชีวิตของคนเรา 
       *ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาลอย ๆ หรือบังเอิญ
       *มีเหตุปัจจัย มาประชุมกันชั่วคราว 
       *ให้เกิด ก็เกิด ให้ตั้งอยู่ ก็ตั้งอยู่
       *ให้แตกสลาย ก็แตกสลาย 
       นี่คือความจริงของโลกและชีวิต ข้อที่ ๒
       *สรุป กฎธรรมชาติ ๒ กฎนี้ว่า *ไม่เที่ยงเกิดดับ
       “ไม่เที่ยงเกิดดับ” คือ กฎธรรมชาติ ๒ กฎ ที่ตั้ง เจ้าชายสิทธัตถะ เป็นพระพุทธเจ้า
       ซึ่งพระองค์ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง
       พระองค์จึงได้ เรียงลำดับองค์ธรรม คือ การศึกษาฝึกปฏิบัติธรรมใหม่ว่า
          *ปัญญา ศีล สมาธิ*
Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้