วิปัสสนาภาวนากรรมฐาน

วิปัสสนา แปลว่า ปัญญาหรือความจริง (ความจริงจากกฎธรรมชาติ ๒ กฎ)
ภาวนา แปลว่า เจริญ, ท่องจำ, ทำซ้ำ ๆ
กรรมฐาน แปลว่า ฐานที่ตั้งในใจ
การวิปัสสนาภาวนากรรมฐาน แปลว่า การเจริญ (ท่องจำ) เอาความจริงมาไว้ในใจของเรา(เป็นฐานที่ตั้ง)
 
       ทำไมต้องวิปัสสนา  ทำไมต้องท่องจำ  ก็เพราะเราต้องการอาศัยข้อมูลใหม่  ข้อมูลที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ไปลิขิตชีวิตของเรา 
       เพราะเรารู้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า  ชีวิตเราถูกข้อมูลผิด  หรือความเห็นผิดหรือความเชื่อ  เป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตเรามานับภพนับชาติไม่ถ้วน  เรียกว่าทางสายเก่า  ทางสายทุกข์ สมุทัย 
       เพราะฉะนั้น  ที่ต้องท่องจำ  โดย การวิปัสสนาภาวนา  ท่องจำ ธรรมไม่เที่ยงเกิดดับ  คือทางสายใหม่  ทางสายนิโรธ  และมรรค  เราจะเห็นว่าสายดับทุกข์ และวิธีดับทุกข์ 
       ฉะนั้นการท่องไม่เที่ยงเกิดดับ  ก็เก็บเป็นสัญญาความจำไว้ในใจ  การเก็บสัญญาความจำไว้ในใจ ก็เพื่อให้สัญญาความจำเป็นผู้ลิขิตชีวิตเรา  เหมือนกับสัญญาความจำผิดที่เป็นความเชื่อ  เป็นความคิดเห็นของเรา ที่ใส่ไว้ในใจเรา มันก็ลิขิต  มันก็นำพาชีวิตเราไปอย่างทุกวันนี้  โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยว่า  ตัวเราสร้างทุกข์ให้กับตัวเรา ด้วยตัวของเราเอง  สร้างทุกข์อย่างละเอียด  อย่างกลาง  อย่างหยาบ  ความพอใจไม่พอใจมันเป็นบาปอย่างละเอียด  เราไม่รู้ว่ามันเป็นทุกข์ 
       แต่ถ้ามันซ้อนทับสะสมกันมากขึ้น  อย่างหยาบมันก็มีโกรธ  มีหลง  มีโลภเกิดขึ้นก็เด่นชัดขึ้น  ความจริงมันก็คือความพอใจ ไม่พอใจ ที่เราบำเพ็ญมานั้นเอง  ถ้ามันระเบิดขึ้นมา  เราจะเห็นว่านี่คือ ทุกข์อย่างหยาบ  มันก็เกิดจากทุกข์อย่างละเอียด 
       พระพุทธเจ้าว่าให้เรารู้เห็นว่าข้อมูลสัญญาความจำของเราเป็นผู้ลิขิต  ท่านก็ให้เราเปลี่ยนสัญญาความจำใหม่  เพื่อให้เราเดินทางสายใหม่  ถ้าเราไม่เปลี่ยนสัญญาความจำใหม่  เราจะเดินทางสายใหม่ไม่ได้ 
       เพราะตัวเราถูกสัญญาความจำหรือข้อมูล  หรือเจตสิก เป็นตัวสั่งการในวิถีชีวิตเรา
       เมื่อเรารู้และเข้าใจอย่างนี้แล้ว  เราก็ต้องใส่ข้อมูลโดยการวิปัสสนาภาวนา  แต่การใส่ข้อมูลไม่เที่ยงเกิดดับเส้นทางสายใหม่ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นั้น  ไม่ง่ายอย่างที่คิด  เพราะมันมีอุปสรรคคือ  เส้นทางสายเก่าขัดขวางอยู่  เพราะการเดินทางในเส้นทางสายเก่าเรามีความชำนาญ  เมื่อเราพาตัวเราเดินบนทางสายใหม่  ไปได้ไม่ถึงครึ่งทาง  นิสัยเก่าก็พาเรากลับมาทางสายเก่าอีก  เดินใหม่อีกก็กลับมาทางสายเก่าอีก 
       เพราะฉะนั้นเราจึงไปข้างหน้าได้ไม่ไกลสักที  เพราะไปได้สักพักก็กลับมาเดินใหม่  เหมือนกับว่า เราลองผิด ลองถูกอยู่ตลอดเวลา  ทั้ง ๆ ที่เราเข้าใจว่าทางเส้นนี้เป็นทางที่พระพุทธเจ้า พระอรหันต์เดินสำเร็จมาแล้ว  มีสุขถาวรเป็นรางวัล  เราก็รู้ เราเข้าใจ  แต่ความเคยชินเราไม่มี 
       อันนี้มันเป็นเรื่องสำคัญ พระพุทธเจ้าถึงให้เราใส่ข้อมูลใหม่เข้าไป โดยการท่องจำให้เป็นปกติในชีวิตประจำวันของเรา
       ถ้าเราท่องจำเข้าไปมากขึ้น ๆ  เราก็สามารถเดินทางสายใหม่ได้  ถ้าเราทำให้มาก  การขัดขวางของมันก็ลดน้อยลง 
       พระพุทธเจ้าถึงการันตีว่าคนที่เดินตามทางสายใหม่นี้จะสำเร็จมรรคผลนิพพานภายใน ๗ วัน ๗ เดือน ๗ ปี  เหตุผลก็เพราะว่าข้อมูลสร้างทุกข์  ก็เป็นธรรมชาติชนิดหนึ่ง  ข้อมูลสร้างสุขก็เป็นธรรมชาติชนิดหนึ่ง  ข้อมูลทุกข์ สมุทัย  ก็เป็นธรรมชาติ  ข้อมูลนิโรธ มรรค  ก็เป็นธรรมชาติชนิดหนึ่ง
Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้