สมเด็จโตกับดอยไซ

Last updated: 15 ส.ค. 2566  |  281 จำนวนผู้เข้าชม  | 

สมเด็จโตกับดอยไซ

๓๐ ปี ของสมเด็จพุทธาจารย์ (โต พรหมรังษี) ที่ดอยไซ ลำพูน

        สมเด็จพุทธาจารย์ (โต พรหมรังษี) ในช่วงหนึ่งของชีวิตท่าน  ในระหว่างรัชการที่ ๓ ขึ้นครองราชย์นั้น  ท่านได้เดินทางมาจำวัดอยู่ที่ ดอยไซ หลังหมู่บ้านหนองไซ ต.ป่าสัก อ.เมือง จ.ลำพูน  ตั้งแต่ พ.ศ.๒๓๖๖ ไป ๆ มา ๆ  อยู่บริเวณดอยไซนี้ ถึง ๓๐ ปี เหตุผลที่ท่านมาใช้ชีวิตของท่านอยู่ที่ดอยไซ  ก็เพราะท่านได้สมาธิฌานอภิญญา ชั้นสูง   ท่านรู้เห็นว่าบริเวณดอยไซนี้ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์  และมีสมบัติล้ำค่าทางพุทธศาสนา  เป็นที่อยู่ของพระสงฆ์และฤาษีมาก่อน  และท่านก็ได้พบกับสมบัติของพุทธศาสนา และพระอรหันต์สาวกมากมายในถ้ำดอยไซ   ส่วนมากเป็นพระเครื่อง พระบูชา ที่พระอรหันต์สร้างไว้เมื่อ พ.ศ.๗๐๐ และพระอรหันต์ ๙ รูป ได้นำมาไว้ที่ดอยไซเมื่อ พ.ศ.๙๔๕

        นอกจากนั้นท่านยังได้พบกับพระเครื่อง พระบูชา ที่ทำด้วยดินและโลหะที่สร้างโดยฤาษีตั้งแต่ พ.ศ. ๑๐๘๐-๑๒๐๐  ที่เก็บไว้บริเวณดอยไซ  และท่านได้เอาผงพระธาตุของสุเทวฤาษี และสุกกทันตฤาษี  มาสร้างเป็นพระเครื่องพระสมเด็จ  และพระเครื่องรูปแบบอื่น ๆ อีกมากมาย ทิ้งไว้ที่ดอยไซ   โดยเอารูปแบบอย่างจากพระสมเด็จที่สร้างมาจากประเทศอินเดีย พ.ศ. ๗๐๐ บางอย่างบางแบบท่านสร้างเก็บไว้  ไม่ได้สร้างไปแจกให้กับผู้ใด บางองค์สร้างแล้วเอาเพชรพลอยประดับไว้ด้วย  ก็ได้แบบมาจากพระอินเดียเช่นกัน  จนถึง พ.ศ. ๒๔๑๐-๒๔๑๑   ท่านได้สร้างพระสมเด็จไกรเซอร์ขึ้นมาเป็นเนื้อดิน  โดยท่านไปแคะเอาเนื้อดินด้านหลังของพระเครื่อง  ที่พระอรหันต์นำมาจากประเทศอินเดีย  สร้างไว้หลายร้อยองค์  สร้างแล้วแจกให้ใครไว้บูชาไม่ได้  และได้แจกให้ผู้ใหญ่หลายท่าน  ผู้ใหญ่เหล่านั้นก็ใช้ไม่ได้  ก็เอาถวายคืนแก่ท่าน  ท่านก็นำมาเก็บรักษาไว้ที่ดอยไซต่อไป  สาเหตุที่ไม่มีผู้ใดใช้พระสมเด็จไกรเซอร์รุ่นนี้ได้  ก็เพราะท่านไปแคะเอาดินหลังพระที่สร้างโดยพระอรหันต์ในประเทศอินเดียเมื่อ พ.ศ.๗๐๐  ดินที่ท่านแคะเอามานั้น  ท่านไม่รู้ว่าเป็นดินอะไร  ความจริงแล้ว พระเครื่องอินเดียทั้งหลายร้อยองค์ที่ท่านแคะเอาไปสร้างนั้นคือ พระอังคารของพระพุทธเจ้า  ไม่ใช่ดินธรรมดา  หรือผงพระธาตุของฤาษี บุคคลที่จะนำพระรุ่นนี้ไปใช้จะต้องมีภูมิธรรมตั้งแต่โสดาบันบุคคลขึ้นไปก่อนจึงจะใช้ได้

        ในระหว่างที่ท่านจำวัดอยู่ที่ดอยไซนั้น  ท่านอยู่บริเวณวัดร้างด้านล่าง ของพระบาทดอยไซ   ซึ่งเดิมบริเวณนี้ เป็นสำนักของ สัญชัยฤาษี สุกกทันตฤาษี สุเทวฤาษี  เป็นสถานที่ ฤาษีพุทธชุดแรกที่เกิดขึ้นในแผ่นดินไทยบริเวณนี้  หลังจากสำนักฤาษีหมดไป  คนรุ่นต่อมาสร้างวัดขึ้นบริเวณนี้อีก  เรียกชื่อว่า วัดพระแก้ว  เพราะมีพระแก้ว ทั้งองค์เล็ก องค์ใหญ่ อยู่บริเวณนี้มากมาย  ถูกขโมยไปหมด  สมเด็จพุทธาจารย์ (โต พรหมรังษี)  ท่านได้มาจำวัดอยู่บริเวณนี้ ท่านก็ได้สร้างพระเครื่องหลายรูปแบบ  บางองค์ท่านยังจารึกไว้ด้านหลังว่า วัดพระแก้ว   หลายท่านคิดว่าเป็นวัดพระแก้วที่กรุงเทพฯ  ความจริงแล้ว วัดพระแก้ว คือ วัดหนองไซ  ปัจจุบันอยู่ที่ลำพูน   สมเด็จพุทธาจารย์ (โต พรหมรังษี)  ท่านได้เอาพระเครื่อง พระบูชาจากดอยไซเป็นจำนวนมาก  มีทั้งที่สร้างโดยพระอรหันต์  ใช้พระบรมธาตุของพระอรหันต์  และที่สร้างโดยฤาษี ใช้พระธาตุฤาษีเป็นองค์ประกอบ  พระเหล่านี้  ปัจจุบันยังมีวางจำหน่ายอยู่ที่ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ  แต่ไม่มีผู้ใดรู้จัก  บางรุ่นบางองค์เป็นพระที่พระอรหันต์สร้างไว้เหมือนของจริง  ที่สร้างด้วยพระบรมสารีริกธาตุ แต่ไม่มีพุทธคุณ  เช่น  พระสมเด็จ ดูดหรือเป็นแม่เหล็ก  มีจำหน่ายมากในกรุงเทพฯ  แต่ไม่ใช่ของจริง  พระอรหันต์สร้างไว้คุ้มครองของจริงไว้  ผู้ที่มีวิปัสสนาญาณเท่านั้น จะตรวจสอบได้  ผู้ได้ฌานอภิญญา ไม่สามารถตรวจรู้ได้

        ความจริงแล้วสมเด็จพุทธาจารย์ (โต พรหมรังษี)  มิได้สร้างแต่พระสมเด็จเท่านั้น  ท่านสร้างพระเครื่องไว้หลายรูปแบบ  ส่วนมากตอนหลังใช้ผงพระธาตุของฤาษีเป็นองค์ประกอบ  เพราะบุคคลธรรมดาสามารถนำไปสักการบูชาได้   แต่ถ้าเป็นพระบรมสารีริกธาตุ  บุคคลธรรมดาไม่สามารถจะเก็บรักษาไว้บูชาได้  เพราะพุทธานุภาพ หรือพุทธคุณสูงมากจนคนธรรมดารับไม่ได้  ถ้าไม่มีเกราะป้องกัน  อุปมาเช่นเดียวกับ  แร่ยูเรเนียน ๒๓๕  บุคคลธรรมดาไม่มีเกราะป้องกัน  เข้าไปใกล้หมายถึงชีวิต  พระบรมธาตุ พระอังคารพระบรมสารีริกธาตุนั้น มีพลังพุทธานุภาพแรงกว่า  แร่กัมมันตรังสีเหล่านั้น นับเท่าไม่ได้  บุคคลธรรมดาไม่เข้าใจ  เอาไปใช้หรือเอาไปเก็บไว้ที่บ้านเพื่อบูชา  ทำให้บุคคลในครอบครัวนั้นถึงแก่ความตายทั้งหมด   เช่นเดียวกับเอาแร่ยูเรเนียน ๒๓๕ ไปไว้ในบ้าน  โดยไม่มีเกราะป้องกัน  เกราะป้องกันพระพุทธคุณ คือภูมิธรรมขั้นโสดาปฏิผลขึ้นไป  โสดาปฏิมรรคยังไม่สามารถจะรับพุทธานุภาพนั้นได้

        พระเครื่องที่สมเด็จพุทธาจารย์ (โต พรหมรังษี)  ท่านสร้างไว้ตอนหลังนี้ใช้พระธาตุของสุเทวฤาษีเพียง ๕%   ดินหรือปูน ๙๕%  เท่ากับพระเครื่องที่ฤาษีก่อน ๆ สร้างไว้  เช่น พระสกุลลำพูน พระซุ้มกอ ผงสุพรรณ นางพญา  เพราะถ้าใช้พระธาตุมากกว่านี้ บุคคลธรรมดานำไปใช้ห้อยคอ  หรือมีไว้บูชาที่บ้านไม่ได้ พระเครื่องที่สร้างมาตั้งแต่สมัยจามเทวีลงมา ที่มีพุทธคุณ จะใช้พระธาตุของฤาษีองค์ใดองค์หนึ่งเพียง ๕% เท่านั้น  ใช้ดินหรือปูน ๙๕%

        พระเครื่องของสมเด็จพุทธาจารย์ (โต พรหมรังษี)  ที่สร้างไว้ที่วัดระฆัง หรือที่บางขุนพรหมทั้งหมด  ท่านเอาพระธาตุของสุเทวฤาษีที่เป็นธาตุดินที่ท่านได้ไปจากดอยไซ อำเภอเมืองลำพูน  บรรจุลงไปในดินหรือปูนที่นำมาสร้าง พระสมเด็จเพียง ๕% เท่านั้น  พระของท่านบางองค์บางส่วน ท่านได้นำไปบรรจุไว้ในกรุ  แล้วบริเวณนั้นตอนหลังถูกน้ำท่วมอยู่นาน  พระธาตุที่บรรจุอยู่ในองค์พระนั้นละลายออกไปตามน้ำ  บางองค์ออกไปจนหมด เหลือแต่ดินแต่ปูนล้วน ๆ  ทำให้พระองค์นั้น ไม่มีพุทธานุภาพเหลืออยู่เลย  บางองค์ก็มีผงพระธาตุอยู่นิดเดียว  ทำให้มีพุทธคุณเพียงเล็กน้อย  ไม่เพียงพอจะคุ้มครองภัยพิบัติให้แก่ผู่ใช้พระองค์นั้นได้  ถ้าผู้ใดไม่เชื่อ ก็ทดลองเอาพระสมเด็จของท่านไปแช่น้ำ ไว้นาน ๆ หรือถ้าท่านต้องการทราบผลเร็ว ก็ให้ท่านนำเอาพระสมเด็จของท่าน แช่ลงไปในน้ำจุลินทรีย์อีเอ็ม (EM)  ไว้ประมาณ ๑-๒ ชั่วโมง  แล้วเอาพระของท่านไปตรวจสอบพุทธคุณดู จะพบว่า พุทธคุณพระของท่านไม่มีเหลืออยู่เลย  เหตุผลก็คือ จุลินทรีย์อีเอ็ม (EM) เข้าไปย่อยสลายกินผงพระธาตุของฤาษีในองค์พระจนหมด  เมื่อสมเด็จองค์นั้นผงพระธาตุหมดไปแล้ว  พระพุทธคุณในองค์พระนั้นก็ไม่มีเช่นกัน  เพราะพุทธคุณมาจากพระธาตุ  ไม่ใช่มาด้วยการปลุกเสกแต่อย่างใด  

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้