Last updated: 13 ต.ค. 2562 | 505 จำนวนผู้เข้าชม |
ความจริง คือ สุข…ความเชื่อ คือ ทุกข์
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ คือ ความจริง ดับความเชื่อ
....ความจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เป็นความจริงที่เราต้องศึกษา
ต้องวิปัสสนาภาวนา แล้วนำมาไว้ในตัวเรา
ด้วยการท่อง... ทำไมจึงท่องเก็บไว้ในตัวเรา
เพราะตัวเรา ...มันมีความคิด การคิดของเราทุกครั้งนั้น
มันมี *ข้อมูลสัญญาความจำ เป็นฐานข้อมูลให้คิด*
....แต่ที่ผ่านมา เราไม่มีคำสอนพระพุทธเจ้า
เป็นฐานข้อมูลในการคิด ความคิดของเราแต่ละครั้ง
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ...จนท่านอายุขนาดนี้
มันเป็นฐานข้อมูลผิด
คือความพอใจ ไม่พอใจ หรือฐาน ความโลภ โกรธ
หลง..ทั้งหมด ไม่มีฐานความจริงหรือฐานสร้างสุขดับทุกข์
ในเมื่อในใจเรามีแต่ฐานสร้างทุกข์ ฐานสร้างสุขในใจไม่มีเลย เพราะเราสั่งตัวเองไม่ได้
ว่าฉันจะสุข... ฉันจะไม่ทุกข์นะ... อย่างนี้เราสั่งตัวเองไม่ได้...
เพราะข้อมูลความคิดของเราต่างหากเป็นผู้สั่ง...
พระพุทธเจ้าเห็นอย่างนี้แล้ว ท่านก็ให้วิปัสสนาภาวนา ให้ท่องจำ
....พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ไว้แล้ว
....ด้วยกฎธรรมชาติ ๒ กฎ คือ กฎไตรลักษณ์
และกฎอิทัปปัจจยตาปฏิจจสมุปบาท
***สรุปว่า ไม่เที่ยงเกิดดับ
....พระพุทธเจ้าให้ท่องไว้ในใจ แต่ไม่มีใครแปลออก ถอดรหัสความจริงอันนี้ไม่ได้
....เมื่อท่านได้รู้ความจริง ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ด้วย "ไม่เที่ยงเกิดดับ" และ
พระพุทธเจ้าก็ให้เราเอา ไม่เที่ยงเกิดดับ ไปไว้ในใจของเรา
ให้ถาวรให้มั่นคง การเก็บความจริงไว้ในใจนี้...
ยิ่งเก็บมากเท่าไรยิ่งสุขมากเท่านั้น...
จึงต้องเพียร ...เก็บให้มาก ๆ เพื่อสุขมาก ๆ
ความสุขจริง ๆ ท่านไม่เคยรู้
มันเป็นความสุขจริง ๆ ที่ไม่มีทุกข์เจือปน
....เราเก็บสุขจริง ๆ ใส่ไว้ในใจแล้ว
มันก็มี... ฐานความสุขฐานความคิดที่เป็นสุขแท้จริง
ชีวิตเราก็สุขทันที...
....ชีวิตที่ผ่านมาเรามีแต่เก็บเอาฐานความทุกข์ และก็ฐานของความเชื่อ
....แล้วก็เอาความทุกข์มาแก้ปัญหา...
เราจึงมี แต่ปัญหาเพิ่มมาใหม่ และทุกข์ อยู่อย่างทุกวันนี้
....พระพุทธเจ้าจึงชี้ให้เราเห็นอย่างนี้ว่า ตัวเรา ...ดับทุกข์ได้
โดยเอาความจริงไปดับความเชื่อ ความจริง คือ สุข
เราก็เอาความสุขให้ชีวิตเรา
โดยการวิปัสสนาภาวนาท่องไม่เที่ยงเกิดดับนั้นเอง….
2 ต.ค. 2562