คนเราต้องมีปัญญาก่อน จึงจะรู้ผิด รู้ถูก รู้ชั่ว รู้ดี

Last updated: 13 ต.ค. 2562  |  830 จำนวนผู้เข้าชม  | 

คนเราต้องมีปัญญาก่อน จึงจะรู้ผิด รู้ถูก รู้ชั่ว รู้ดี

เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว 

พระองค์ให้เอา "ปัญญา" ขึ้นก่อน  

เมื่อมี "ปัญญา" แล้ว จะรู้ผิด รู้ถูก รู้ชั่ว รู้ดี

    “ศีล” ก็เกิดขึ้น ตามมา

    เมื่อศีลเกิดขึ้น จิตใจก็สงบ  ผ่องใส สมาธิเกิด

จะเห็นได้ว่า “ศีล” “สมาธิ” เป็นผลพลอยได้

    ที่เกิดจาก ปัญญาก่อน เรียกว่า ‎สัมมามรรค

สมาธิ  เป็นปัจจัยของ ความสงบ

วิปัสสนา เป็นปัจจัยให้เกิด “ปัญญา”

“ศีล สมาธิ ปัญญา” เป็นคำสอนของศาสนาพราหมณ์

....หลังจากที่พระพุทธเจ้า  ออกบวชครั้งแรก

    พระองค์ได้ไปศึกษาเรียนรู้กับ  อาจารย์ที่เป็นพราหมณ์

    จนได้บรรลุฌาน สูงสุด ที่เรียกว่า #‎ฌานอภิญญา#

    หูทิพย์ ตาทิพย์ เหาะเหิน เดินอากาศได้...

    แต่พระองค์ไม่สามารถ #‎ดับทุกข์ไม่ได้#

พระองค์เห็นว่า  ไม่ใช่ทางดับทุกข์

    พระองค์จึงลาอาจารย์ทั้งสอง  มาศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวพระองค์เอง

ด้วยการลองผิดลองถูก ....จนได้เปลี่ยนวิธีปฏิบัติ

เป็น  ‎วิปัสสนาภาวนา

โดยการพิจารณาความจริงของธรรมชาติทั้งหมด

ในที่สุดก็  ‎ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

กฎธรรมชาติ ๒ กฎ คือ...

**กฎที่ ๑. ‎ไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา (เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป)

    ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้  หรือโลกไหน ๆ 

    รวมทั้งชีวิตของเรา ทั้งหมด  อยู่ในกฎนี้...

**และกฎที่ ๒. กฎของเหตุปัจจัย หรือ อิทัปปัจจยตาปกิจจสมุปบาท

    ในโลกนี้หรือโลกไหน ๆ รวมทั้งชีวิตของคนเรา 

    ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาลอย ๆ หรือบังเอิญ

    มีเหตุปัจจัย มาประชุมกันชั่วคราว 

    ให้เกิด ก็เกิด ให้ตั้งอยู่ ก็ตั้งอยู่

    ให้แตกสลาย ก็แตกสลาย 

    นี่คือความจริงของโลกและชีวิต  ข้อที่ ๒...

**สรุป กฎธรรมชาติ ๒ กฎนี้ว่า #‎ไม่เที่ยงเกิดดับ# 

    “ไม่เที่ยงเกิดดับ” คือกฎธรรมชาติ ๒ กฎ

    ที่ตั้ง เจ้าชายสิทธัตถะ เป็นพระพุทธเจ้า

ซึ่งพระองค์ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง...

    พระองค์จึงได้ เรียงลำดับองค์ธรรม คือ

การศึกษาฝึกปฏิบัติธรรมใหม่ว่า "ปัญญา ศีล สมาธิ"

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้