เราจะให้รางวัลชีวิตของเราได้อย่างไร

Last updated: 13 ต.ค. 2562  |  569 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เราจะให้รางวัลชีวิตของเราได้อย่างไร

      ทำไมต้องให้รางวัลชีวิตของเราด้วย  ก่อนที่จะให้รางวัลชีวิตของเราให้ถูกต้องตามที่ชีวิตของเราต้องการนั้น  เราต้องรู้จักตัวของเราก่อนว่า  ตัวของเรามีตัว 2 ตัวที่ซ้อนทับกันอยู่ 

ตัวที่หนึ่งก็คือ “ตัวชีวิต” หมายถึง ร่างกายของเราทั้งหมด  

ส่วนตัวที่ 2 ก็คือ “ตัวคน” หรือจิตใจของเรานั่นแหล่ะ  

     ความต้องการของ 2 ตัวนี้แตกต่างกัน  บางอย่างมีขีดจำกัด  บางอย่างไม่มีขีดจำกัด  ยกตัวอย่างเช่น  เวลาดื่มเหล้าดื่มมากเข้า  ตัวชีวิตหรือว่าร่างกายพอแล้วรับไม่ไหว  บางครั้งอาเจียนออกมา  แต่ตัวคนหรือตัวจิตใจ  หรือตัวความอยากนั้นไม่พอต้องการอีก  เมื่อ 2 ส่วนนี้ขัดแย้งกันตัวชีวิตก็เดือนร้อน  อาเจียนออกมา เดินไม่เป็นทาง  ลักษณะของความเป็นคนไม่มีเหลือ  มีลักษณะเหมือนสัตว์เดรัจฉาน

      ถ้าตัวชีวิต กับตัวความอยาก หรือตัวคนไม่สมดุลกัน   ตัวชีวิตจะเดือดร้อนตลอดเวลา  เพราะตัวชีวิตมีขีดจำกัดในการรับ  แต่ตัวคนนี้ไม่มีขีดจำกัด  ดังพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า  แม่น้ำเสมอความอยากไม่มี  เมื่อ 2 ตัวขัดแย้งกัน  วิถีชีวิตหรือความเป็นอยู่ของบุคคลนั้น ๆ  ก็จะมีแต่ปัญหาเครียด  เกิดความทุกข์ตลอดเวลา  ร่างกายหรือตัวชีวิตรับไม่ได้  แล้วเกิดอาการเจ็บป่วยขึ้น 90%  อาการป่วยของคนเกิดจาก 2 ตัวนี้  ขัดแย้งกันทำให้ร่างกายอ่อนแอ  เชื้อโรคภายนอกเข้าทำลายได้ง่าย  นอกจากเจ็บป่วยในตัวชีวิตแล้ว ตัวคนก็ป่วยอีก  จิตใจก็ป่วยด้วย  เพราะสะสมปัญหาขึ้นทุกวันด้วย  ความอยากหรือตัณหาหาที่สุดไม่ได้  เมื่อแก้ปัญหาที่ตัวเองสร้างขึ้นไม่ได้  ก็ตัดสินใจฆ่าตัวตาย  นี่คือความขัดแย้งของร่างกายและจิตใจ  หรือตัวชีวิตและตัวคน

      ตลอดเวลาที่เราเกิดมา เราเป็นคนทำลายชีวิตตัวเองมาตลอด  ทำลายตัวเองโดยปล่อยให้ภัยร้ายเข้ามาทางตา  หู  จมูก  ลิ้น  กาย  ใจ  หรืออินทรีย์ 6 ตลอดเวลา  เมื่ออินทรีย์ กระทบสิ่งภายนอกก็มาปรุงแต่งทำให้เกิดความพอใจ ไม่พอใจ  อันไหนพอใจก็เสาะแสวงหา  อันไหนไม่พอใจก็ผลักหนี  ชีวิตของปุถุชนคนธรรมดาก็ปฏิบัติอย่างนี้มาตลอดชีวิตของเรา  ในที่สุดปัญหาความพอใจและไม่พอใจที่สะสมไว้โดยไม่รู้ตัว  เพิ่มมากขึ้นก็ผลักดันตัวเองทำในสิ่งที่ตนเองต้องการนั้น  โดยไม่ได้คิดพิจารณาให้ถี่ถ้วน  ทำให้เกิดปัญหาซับซ้อนมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว  นี่คือตัวความอยากหรือตัวคนสร้างปัญหาให้กับตัวชีวิต  ตัวคนสร้างปัญหานี้ให้กับตัวชีวิตทุกวันไม่มีเว้น  ตัวชีวิตมีขีดความสามารถรับปัญหาเหล่านี้ได้จำกัด  ไม่เหมือนตัวคน  ตัวชีวิตก็เสื่อมโทรม ขี้โรค  เพราะเกิดจากความเครียด  แก้ปัญหาที่สะสมมาไม่ได้  ทำให้ความสมดุลของร่างกายเสียดุลไป  ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมา

       บางครั้งร่างกายหรือชีวิตทนไม่ไหวก็ล้มป่วยลงถึงพิกลพิการไป  หรือไม่ก็ฆ่าตัวตาย  ซึ่งมีมากมายให้เห็นทุกวันในขณะนี้ตลอดเวลา  ตัวคนก็พยายามแก้ไขไปหายามากิน  ไปหาหมอมารักษา  หายจากโรคหนึ่งไปเป็นอีกโรคหนึ่ง  ชีวิตเราเป็นอย่างนี้ตลอดเวลา  เพราะต้นเหตุของการเกิดโรคทางกาย  หรือทางชีวิตนั้นมาจากตัวคนหรือจิตใจ  เมื่อจิตใจแสวงหาสิ่งที่ตัวเองต้องการไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกัน  ตัวชีวิตของเราก็ถูกทรมานอยู่ตลอดเวลา

       ตัวชีวิตของเราก็ต้องการพักผ่อน หรือผ่อนคลายเช่นกัน   ตลอดเวลาตั้งแต่เราเกิดมา  เราไม่เคยหันไปมองดูตัวชีวิตของเราเลย  มองบ้างในบางครั้งแต่ผิวเผินและไม่เข้าใจความสัมพันธ์  ระหว่างตัวชีวิตกับตัวคน  ว่าเกี่ยวเนื่องกันอย่างไร  ต่อไปคนเราต้องหันมามองดูตัวชีวิตของเราให้มากขึ้น  กว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้  เราตามใจตัวคนเกิดไปจนลืมตัวชีวิต ปล่อยให้เขาอยู่แบบทรมานแล้ว  และเราก็ไม่ควรทรมานตัวชีวิตอีกต่อไป  ขอให้ท่านหันกลับมามองดูชีวิตตัวเองบ้าง  เราไม่เคยให้อะไรกับตัวชีวิตของเราเลย  ให้แต่ตัวคนตลอดเวลา  ตัวคนหรือตัวจิตใจจึงได้รับการทะนุถนอมมาตลอดเวลา  ปล่อยให้ตัวชีวิตอ้างว้างว้าเหว่มานานแสนนาน  ถ้าตราบใดยังเดินไปไหนมาไหนได้  จะไม่หันมามองดูตัวชีวิตเลย  แต่วันไหนเกินไปไหนมาไหนไม่ได้นอนโทรมอยู่โรงพยาบาลนั่นแหละ  ตัวชีวิตจึงจะได้รับการพักผ่อนเยี่ยวยารักษา  ให้หายจากอาการบาดเจ็บ  การบาดเจ็บของตัวชีวิตทุกครั้ง  เกิดจากตัวคน หรือตัวความอยาก  นำมาให้เกือบทั้งหมด  พวกเราเอารัดเอาเปรียบทรมานตัวชีวิตของเรามานานเหลือเกิน  แต่เขาก็ไม่เคยทำร้ายจิตใจหรือตัวคนเลย  ให้ตัวคนอาศัยร่างกายนี้  คิดกระทำตามที่ตัวคนต้องการ  บางครั้งตัวชีวิตรับไม่ได้ก็ต้องทนเอา  ทนไม่ได้ก็ฟุบคาที่  พอหายแล้วตัวคนก็ใช้ตัวชีวิตทำร้ายตัวเองอีก  เป็นอย่างนี้ตลอดเวลาหรือตลอดชีวิตของเรา  เราบังคับเคี่ยวเข็ญตัวชีวิตของเราตลอดเวลา  ต่อไปเราควรหยุดคิดหยุดทรมานเขาบ้าง  แค่นี้ยังไม่พอบางครั้งพาเขาไปทรมานในคุกอีกหลายปี

       ตัวชีวิตควรได้รับรางวัลสูงสุดจากตัวคนบ้าง  รางวัลที่ชีวิตของเราต้องการ คืออะไร  คือการลดโลภ โกรธ  หลง  ของตัวคนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  นี่คือสิ่งที่ตัวชีวิตหรือร่างกายของเราต้องการ เมื่อโลภ โกรธ  หลง  ลดลงไปแล้ว  ตัวปัญญาก็จะเกิดขึ้นในตัวตน  เมื่อมีปัญญาเพิ่มขึ้น  ก็จะแก้ไขปัญหาได้กับตัวคนได้มาก  สิ่งที่ตกค้างในตัวคนก็มีน้อย  เมื่อมีน้อย  ก็ไม่กระทบกระเทือนตัวชีวิต  ตัวชีวิตก็จะได้ พักผ่อนบ้าง  มิฉะนั้นก็จะไปตามแรงผลักดันจากความโลภ  โกรธ  หลง  เมื่อไม่มีแรงผลักดันจาก โลภ  โกรธ  หลง  ตัวชีวิตก็จะผ่อนคลายสบายขึ้น โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้นบนตัวชีวิตก็ลดลงไปด้วย  เพราะไม่เครียดกับปัญหาต่าง ๆ  ภูมิต้านทานของร่างกายก็มีมากขึ้น  เอาชนะโรคภัยไข้เจ็บได้

       ถ้าเราจะให้รางวัลแก่ชีวิตของเรา   เราจะต้องปฏิบัติตัวของเราให้ความโลภ  โกรธ  หลง  ลดลงไป  วิธีปฏิบัตินั้น พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้เป็นเวลา 1554  ปีมาแล้ว ให้ชาวพุทธเราไปปฏิบัติเพื่อดับความโลภ  โกรธ หลง  หลักปฏิบัติก็คือ หลักสติปัฏฐาน 4 คือ การวิปัสสนาภาวนา พิจารณาขันธ์ 5 ให้รู้เห็นสิ่งทั้งปวงตามความเป็นจริง  ถ้าคนเราปฏิบัติตามหลักทางสายเอกนี้แล้ว โลภ  โกรธ  หลง ก็เบาบางและหมดไปในที่สุด   นี่คือสิ่งที่ตัวชีวิตต้องการมากที่สุด ตัวคนควรจะปฏิบัติเอาหลักการอันนี้มามอบให้ตัวชีวิตเพื่อเป็นรางวัลอันสูงค่าเพื่อการตอบแทนบุญคุณแก่ตัวชีวิต  ที่ต้องบอบช้ำทนทุกข์ทรมานรองรับความโลภ  โกรธ  หลงของตัวคนมาตลอดเมื่อตัวคนเราถึงความจริงของโลกและชีวิตแล้ว   ตัวร่างกายหรือตัวชีวิตก็จะได้พักและผ่อนคลายตลอดไป  ต่างคนต่างเกื้อกูลซึ่งกันและกัน พากันไปถึงที่สุดของทุกข์คือ  สุขถาวรที่ตัวคนและตัวชีวิตต้องการ  นี่คือร่างกายหรือตัวชีวิตและตัวคนต้องการ  แต่การจะมอบความสุขถาวรให้เป็นรางวัลแก่ชีวิตนั้น ต้องเข้าใจหลักการปฏิบัติให้เข้าถึงปัญญา และการดับทุกนั่นด้วย  เพราะถ้าเข้าใจผิดจะเป็นการมอบความเลวร้ายให้กับชีวิตเป็นอย่างยิ่ง  การเข้าถึงปัญญาและการดับทุกข์นั้นต้องเริ่มต้นด้วยการฝึกฝนตนเอง  ในด้านวิปัสสนาภาวนาล้วน ๆ  โดยไม่ต้องไปทำสมาธิก่อนอย่างที่มีการสอนกันในปัจจุบันนี้  ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ต้องกับผลที่ต้องการ  ถ้าเริ่มสมาธิแล้วผลจะออกมาเป็นความสงบอย่างเดียวไม่มีปัญญาดับทุกข์ได้ นั่นก็เป็นผลักตนเองจากการทำร้ายตัวเองอย่างหยาบ  ไปสู่การทำร้ายตัวเองอย่างละเอียดโดยไม่รู้ตัว  ซึ่งไม่สามารถแก้ไขตัวเองกลับมาให้มีปัญญาดับทุกข์ได้เลยในชาตินี้  การกระทำอย่างนี้ถือว่าเป็นการมอบความเลวร้ายอย่างละเอียดให้กับตนเอง  ซึ่งชีวิตไม่ต้องการรางวัลอย่างนี้  ตัวคนและชีวิตต้องการดับทุกข์  ไม่ใช่การหลบทุกข์ชั่วคราว  หรือความสงบ  ซึ่งยังไม่อยู่ในวังวนของการเวียนว่ายตายเกิดนับชาติไม่ถ้วน  ทุกคนมีโอกาสให้รางวัลชีวิตตลอดเวลาถ้าไม่ประมาท   

      ว่าง ๆ ท่านลองส่องกระจกดูหน้าตัวเองบ้างแล้วถามตัวเองว่า  รูปร่างหน้าตามอย่างนี้  เราใช้เขามากี่ปีแล้ว  ใช้อย่างสมบุกสมบันตลอดเวลา  บางครั้งอบช้ำเจ็บปวด  จนไม่ได้ต้องเข้าไปพักรักษาตัวเองในโรงพยาบาล  เมื่อหายดีก็ใช้เขาอีกอย่างเดิม  บางครั้งหนักกว่าเดิมอีก  เมื่อใดท่านจะให้รางวัลแก่เขาบ้าง  ถามอย่างนี้ทุกวัน  เมื่อท่านเห็นหน้าตาของท่านในกระจกแล้วท่านก็จะเห็นบุญคุณของชีวิตอย่างมากมาย  ซึ่งตลอดเวลาเขาเป็นที่รองรับอารมณ์  ความโลภ  ความโกรธ  ความหลง เครียดแค้น ชิงชัง  ทำร้ายเขาทั้งทางตรงและทางอ้อม  บางครั้งก็พาเขาเข้าไปนอนทุกข์ทรมานอยู่ในคุกตารางหลายปี  หรือตลอดชีวิต   เขาทนได้ทนมาตลอด  ให้เราเห็นหน้าอยู่ขณะนี้  ไม่มีอะไรทนได้ทุกอย่างเหมือนตัวชีวิตของเรา  ฉะนั้นตัวชีวิต  คือชีวิตของเราที่แท้จริง  ตัวชีวิตของเรานี่แหล่ะอยู่กับเรานานที่สุด สิ่งอื่น ๆ ไม่ว่าอะไรทั้งนั้น แม้กระทั้ง  เมีย  พ่อ  แม่  ก็อยู่กับเราไม่ได้นาน เท่ากับตัวของเราเลย

      เมื่อเรารู้ว่าตัวชีวิตของเราคือ  เพื่อนตายที่แท้จริง  ตายเมื่อใดตัวชีวิตกับตัวคนก็จากกัน  ถ้าไม่ตายก็อยู่ด้วยกันอย่างนี้  แม้แต่จะระทมขมขื่นก็ไม่หนีไป จากกันง่าย ๆ  อย่างคนบางคนไม่พอใจเรา  เราไม่มีอะไรจะให้ก็หนีไปจากเราแล้ว  ต่อไปนี้เราต้องหันมาดูแลเพื่อนแท้เพื่อนตายของเราบ้าง  อย่าให้เจ็บปวดบอบช้ำจากความโลภ  โกรธ  หลงอีก  หมั่นฝึกฝนตัวคนให้อยู่อาศัยกับชีวิตให้เกื้อกูลซึ่งกันและกัน  เลิกการเบียดเบียนทำลายล้างกันทั้งทางตรงและทางอ้อม  เมื่อท่านให้รางวัลกับชีวิตด้วยหลักการของการวิปัสสนาตามทางสายเอกของพระพุทธเจ้าแล้ว  นั่นแหล่ะยอดปรารถนาของชีวิตของทุกคน  ชีวิตต้องการอย่างนี้ ท่านอย่าเสียเวลาเลยให้รางวัลแก่ชีวิตท่านตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป   ชีวิตของท่านจะไร้ทุกข์  พบแต่สุขถาวร

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้