3 ต.ค. 2562
ข้อมูลสั่งการ เรามองไม่เห็นความผิดพลาดของตนเอง ให้ความสำคัญกับสัญญาความจำ ไม่เที่ยงเกิดดับ เป็นของหนักมาก ความพอใจไม่พอใจ หนักกว่าแผ่นดินในโลกนี้ ที่เราไม่สามารถยกมันได้ อนาคามีมรรค
3 ต.ค. 2562
เราเกิดเรื่องเดือดร้อนเป็นเพราะกรรมล้วน ๆ หรือความประมาท ครับ กรรมของพระพุทธเจ้า ***ครั้งหนึ่งเคยเป็นนายโคบาล ต้อนแม่โคไปสู่ที่หากิน เห็นแม่โคดื่มน้ำขุ่นจึงห้ามไว้ ด้วยผลแห่งกรรมนั้นในภพสุดท้ายนี้ พระองค์กระหายน้ำ จึงไม่ได้ดื่มตามต้องการ เพราะเคยให้พระอานนท์ไปตักน้ำมาถวาย พระอานนท์ไปแล้วไม่ตักมาบอกว่าน้ำขุ่น ต้องตรัสย้ำให้ไปตักใหม่เป็นครั้งที่สอง จึงได้น้ำใสกลับมาเพราะน้ำขุ่นนั้นกลับใส
3 ต.ค. 2562
วันนี้เป็นวันดีที่สุด เพราะวันนี้เรายังมีลมหายใจ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ยังเป็นทางเข้าของอาหารใจ หากมีบุญกุศลและปัญญาธรรมมากพอ วันนี้เรายังพัฒนาฝึกฝนให้อายตนะทั้ง 6 รับสิ่งที่มีคุณค่า หรืออาหารใจอันมีค่าที่สุด เป็นอาหารที่จิตใต้สำนึกกระหายที่จะเสพมันมานานนับภพนับชาติไม่ได้
3 ต.ค. 2562
ชีวิตของท่านต้องตั้งสัจจะอธิษฐานว่า >ชาตินี้คือ ชาติสุดท้ายของฉัน >ฉันจะไม่เวียนว่ายตายเกิดอีก ...เพราะการเวียนว่ายตายเกิดของเรา ...มันมีแต่ทุกข์ ...ทุกข์เพราะ เกิด ...ทุกข์เพราะ แก่ ...ทุกข์เพราะ ตาย
3 ต.ค. 2562
เมื่อศึกษาเรียนรู้พระธรรมคำสอน ของพระศาสดาเอกของโลกแล้ว ท่านจะรู้ซึ้งถึงชีวิตที่มีคุณค่ามาก ความมีคุณค่าคือการที่มีชีวิตอยู่ เมื่อเรารู้ว่าการมีชีวิตอยู่ที่ยิ่งใหญ่ เราจะเกิดปัญญาอย่างไม่ประมาท
3 ต.ค. 2562
สัญญาความจำ หรือนิสัยสันดาน หรือวิบากกรรม ที่เราเก็บไว้ในใจ มันคือสิ่งเลวร้ายทั้งปวง มันก็ลิขิตเรา เรียกว่า กรรมลิขิต ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าบอกเราเราก็ไม่รู้ว่า กรรมลิขิตอย่างไร? เพราะไม่มีใครรู้ เมื่อท่านได้มาเรียนรู้ กรรมลิขิต ลิขิตอย่างไร?
3 ต.ค. 2562
ธรรมชาติแยกกันเด็ดขาด ผึ้งอยู่ส่วนผึ้ง แมลงวันอยู่ส่วนแมลงวัน มันจะไม่อยู่ด้วยกันเด็ดขาด!
3 ต.ค. 2562
ฤกษ์ยามในความหมายทางพระพุทธศาสนา มีไหมครับ ไม่มีค่ะ สมมุติขึ้นมาเอง ถูกไหมค่ะ สาธุ ครับ ดังพระสูตร นี้ ฤกษ์ยามในพระพุทธศาสนา
3 ต.ค. 2562
ผลจากการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าคือมรรคมีองค์ 8 หรือริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8 (หนทางแห่งการดับทุกข์) คือ... 1. สัมมาทิฏฐิ (เห็นชอบ) 2 .สัมมาสังกัปปะ (ดำหริชอบ) 3 .ส้มาวาจา (วาจาชอบ)
3 ต.ค. 2562
ในปัจจุบันหลักคำสอนของศาสนาพราหมณ์ ได้ผสมหรือปลอมปนเข้ามาอยู่ในคำสอนของพุทธศาสนามาช้านานแล้ว โดยชาวพุทธไม่รู้ตัว จึงทำให้ชาวพุทธเข้าใจหลักพุทธศาสนาที่แท้จริงผิดพลาดไปหมด แล้วก็มีการปฏิบัติที่ผิดพลาดตามไปด้วย จึงทำให้ชาวพุทธไม่ได้รับประโยชน์จากคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า คือกลายเป็นว่า ชาวพุทธนั้นมีแต่ชื่อว่าเป็นพุทธ แต่การปฏิบัติกลับกลายเป็นพราหมณ์กันไปหมดโดยไม่รู้ตัว และยังยึดมั่นถือมั่นว่าสิ่งที่ตัวเองยึดถือปฏิบัติอยู่นี้ คือ คำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้าอีกด้วย อีกทั้งเมื่อมีผู้นำคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้ามาบอกกล่าว ซึ่งไม่ตรงกับความเชื่อที่ผสมหรือปลอมปนกับพราหมณ์อยู่ จึงทำให้ชาวพุทธไม่ยอมรับ แถมบางคนยังต่อต้านอีกด้วย ดังนั้นเพื่อทำความเข้าใจว่าพุทธแท้ ๆ นั้นสอนว่าอย่างไร? และพราหมณ์เขาสอนอย่างไร? บทความนี้จึงได้สรุปหลักของพุทธกับพราหมณ์ที่แตกต่างกันเอาไว้ เพื่อให้ผู้ที่สนใจจะได้ศึกษา เพื่อให้เกิดความเข้าใจต่อศาสนาทั้งสองอย่างถูกต้องต่อไป